จับ 2 หนุ่มหลอกเป็นทหาร-ตร. ทำพยาบาลสาววิวาห์ล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. สภ.เมืองอุดรธานี แถลงข่าวจับทหารและตำรวจเก๊ 2 ราย ประกอบด้วย นายสันทัศน์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางเครื่องแบบติดยศร้อยเอก 1 ชุด ในข้อหาแต่งเครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ โดยไม่มีสิทธิ์จะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ นายทัตเทพ อายุ 25 ปี พร้อมของกลางชุดเครื่องแบบตำรวจติดยศร้อยโท 1 ชุด ในข้อหาแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์

กรณีของนายสันทัศน์ สืบเนื่องจาก น.ส.บี นามสมมติ อายุ 35 ปี พยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ช่วยตรวจสอบชายที่อ้างชื่อว่า ร.อ.ธนาวัฒน์ ศิลศิริ ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย สังกัดค่ายสีหราชเดโชชัย กรมทหารราบที่ 8 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่ามีตัวตนหรือชื่อ ยศ ตำแหน่ง สังกัด มีอยู่จริงหรือไม่ เพราะชายคนดังกล่าวมาตีสนิทจนคบหาเป็นแฟนได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นได้ขอยืมเงิน 1 แสนบาทบอกว่าจะเอาไปโอนที่ดิน แต่ทำตัวลึกลับและหลบมาอยู่กับหญิงอื่นในเขต จ.อุดรธานี

จากการตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่มีนายทหารชื่อและยศอยู่ในสังกัดดังกล่าว และทำการสืบสวนจนทราบว่ามีชื่อจริงว่า นายสันทัศน์ พักอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่ง ถนนศรีชมชื่น เขตเทศบาลนครอุดรธานี กับนักเรียนหญิงวัย 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี จึงสะกดรอยติดตามและพบว่า นายสุทัศน์ได้เดินทางไป บขส.แห่งที่ 2 ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี เพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารไป จ.เชียงใหม่ จึงควบคุมตัวได้พร้อมของกลางชุดทหาร ไปโรงพักทำการสอบสวน

จากการสอบสวนนายสันทัศน์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเรียนจบชั้น ปวส.วิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่อยากเป็นทหาร เคยไปสอบนายสิบทหารแต่ไม่ได้ ปี 2551 จึงได้ตัดเครื่องแบบทหารติดยศร้อยตรีมาใส่ เพื่อหลอกลวงว่าสามารถฝากเป็นพยาบาลทหารได้ แต่ต้องจ่ายเงินคนละ 5 หมื่นบาทจำนวนหลายราย จนกระทั่งเมื่อปี 2552 ถูกตำรวจ สภ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ จับกุม แต่ตนได้นำเงินมาคืนผู้เสียหาย จึงไม่ติดคุก และเลิกแต่งชุดทหารมาเปิดร้านคาราโอเกะที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ระยะแรกกิจการดี ต่อมากิจการซบเซาขาดทุนจนปิดกิจการ และหันมาแต่งชุดทหารติดยศร้อยเอกไปหลอกหญิงสาว

นายสันทัศน์ สารภาพต่อว่า ตนจะเน้นเหยื่อเป็นพยาบาลสาว มีทั้งพยาบาลใน จ.เชียงใหม่, เชียงราย, หนองคาย และ บึงกาฬ ที่ตกเป็นเหยื่อ โดยแต่งเครื่องแบบเข้าไปตีสนิท จนเหยื่อหลงเชื่อคบหาเป็นแฟน จากนั้นก็หลอกเอาเงินโดยอ้างว่าจะเอาไปโอนที่ดิน เมื่อหลงเชื่อให้เงินมา ตนก็จะนำเงินไปใช้จ่ายกับเหยื่อรายใหม่ วนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ โดยเคยแต่งเครื่องแบบไปนั่งภายในด่านความมั่นคง บ้านหนองสองห้อง อ.เมือง จ.หนองคาย แม้แต่ทหารจริงยังไม่สงสัย

ล่าสุด ตนมาหลอกตีสนิทกับนักเรียนหญิงชั้น ม.6 โดยนำเงินที่หลอกจากพยาบาลใน จ.หนองคาย มาเช่าหอพักอยู่ด้วยกัน และให้เงินใช้จ่าย จนกระทั่งรู้ตัวว่าถูกตำรวจสะกดรอยติดตาม จึงไปจองตั๋วรถทัวร์เพื่อหนีไปหาแฟนพยาบาลที่ จ.เชียงใหม่ แต่ก็มาถูกตำรวจรวบตัวได้ก่อน

ขณะที่ กรณีนายทัตเทพ ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายแต่งกายเป็นตำรวจ ติดยศร้อยตำรวจโท โพสต์ภาพและข้อความลงเฟชบุ๊ก และแต่งกายตำรวจเข้าไปหลอกตีสนิทพยาบาลสาวใน รพ.ศูนย์อุดรธานี จนหลงเชื่อและตกลงคบหาเป็นแฟนกันได้ 4 ปี จนวางแผนจะแต่งงานกันในเดือนพฤศจิกายนนี้ และชายคนดังกล่าวจะขับรถมารับสาวพยาบาลออกเวร ที่หน้าโรงพยาบาล จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบและถูกจับกุม

จากการสอบสวนทราบชื่อ นายทัตเทพ อายุ 25 ปี เป็นหลานอดีตตำรวจยศ พ.ต.อ.นอกราชการ รับสารภาพว่า ที่แต่งเครื่องแบบตำรวจเพราะชื่นชอบในอาชีพและอยากเป็นตำรวจ ไปสอบนายสิบตำรวจ 2 ครั้ง แต่สอบไม่ได้ จึงได้นำเครื่องแบบของลุงมาใส่แล้วถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก

ต่อมาได้รู้จักกับแฟนสาวซึ่งเป็นพยาบาล จึงได้อ้างตัวว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดภูธรภาค 4 เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 66 จน แฟนสาวหลงเชื่อ และคบหาดูใจกันมานาน 4 ปี โดยแฟนสาวไม่เคยระแคะระคาย เพราะตนมักจะสวมชุดนอกเครื่องแบบ อ้างว่าไปสืบสวนหาข่าว แต่ตนจะขับรถมารับมาส่งแฟนสาวเข้าเวรตลอด

จนกระทั่งตกลงจะแต่งงานกันในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะตนรักแฟนสาวพยาบาลคนนี้จริงๆ ทำให้แฟนสาวดีใจ และวันนี้ได้ไปลองสวมชุดเจ้าสาว และชวนตนไปถ่ายรูปในช่วงเช้า ตนจึงนำเครื่องแบบตำรวจแขวนใส่รถมาด้วย แต่มาถูกตำรวจจับก่อน

ซึ่งในขณะที่ตำรวจกำลังสอบสวนนายทัตเทพอยู่นั้น แฟนพยาบาลสาวได้โทรศัพท์มาหาว่าทำไมไม่มารับ นายทัตเทพได้บอกแฟนสาวมาที่ สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งพยาบาลสาวได้พาเพื่อนมาด้วยหลายคน เพราะคิดว่าเป็นการทำเซอร์ไพส์ขอแต่งงานเหมือนในทีวี แต่เมื่อมาถึงโรงพักก็ต้องผิดหวังและเสียใจ เมื่อตำรวจแจ้งว่านายทัตเทพ เป็นตำรวจเก๊ พยาบาลสาวถึงกับหน้าซีดก่อนจะร้องไห้เพราะความเสียใจ เพื่อนๆ ที่มาด้วยจึงช่วยกันปลอบใจ และพากลับไป