เกียรติ ยศ ตายไปก็เอาไปไม่ได้.....???
หลังจากจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะ คสช. ได้ใช้มาตรา 44 ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามการสรุปความผิดและขั้นตอนของกฎหมายที่ ผบ.ตร เสนอมาเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการเผยแพร่ คลิปวีดีโอ การปราศรัยของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องดังกล่าวออกมาทันที
เชื่อว่าบรรดาคอการเมืองคงไม่พลาดที่จะฟังความคิดเห็นดังกล่าวไปแล้ว เพราะคงอยากรู้ว่า ความคิดเห็นของนายใหญ่ของกลุ่มการเมืองขั้วใหญ่ของเมืองไทยคิดอย่างไร เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองต่อไปข้างหน้า
ก็ต้องยอมรับว่า การปราศรัยของนายทักษิณ ตามคลิปที่เผยแพร่เข้าใจว่าน่าจะพูดกับบรรดาคนที่สนับสนุนในสถานที่ก็น่าจะเป็นวัดแห่งหนึ่งในต่างแดน
ในการพูดถึงประเด็นการถอดยศ นายทักษิณ พยายามยึดหลักคำสอนของพระหลักการปล่อยวางของพุทธ มาอธิบาย พยายามนำบริบทของฝรั่งมาอธิบายในเรื่องของยศได้น่าฟังไม่น้อย พอสรุปได้ก็คือ
นายทักษิณ ชี้ให้เห็นว่า ฝรั่งเขาไม่สนใจเรื่อง ยศ เรื่องตำแหน่ง ซึ่งตรงนี้เป็นการแสดงทัศนะในเชิงยกย่องว่า ความคิดของฝรั่งเป็นสิ่งสากล การให้ความสนใจให้ความสำคัญเรื่อง ยศเรื่องตำแหน่งจึงเป็นเรื่องของไทยๆ ที่ล้าหลังไม่เป็นสากลทำนองนั้น
ในขณะเดียวกันก็ยกเอาหลักคิดของพุทธ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของคนไทย และตะวันออก ในเรื่องของการปล่อยวางไม่ยึดติดกับเรื่อง ยศถาบรรดาศักดิ์ว่า เป็นเรื่องภายนอก สิ่งเหล่านี้เมื่อตายไปก็เอาไปไม่ได้
และพยายามทำให้เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็ก เป็นเรื่องที่ไม่ควรสนใจ เพื่อดิสเครดิต หรือลดทอนความน่าเชื่อถือของ คสช.ลงไปด้วย ว่าไม่สนใจเรื่องที่สำคัญกว่า มัวแต่มาทำเรื่องเล็กๆที่ไม่ควรสนใจ ไม่เป็นสากลอยู่ทำไมเป็นเรื่องไร้สาระ.ประมาณนั้น....????
แท้จริงแล้ว นายทักษิณ ไม่สนใจในเรื่องยศตำแหน่งจริงหรือ..?
การหยิบยกในเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดกับบรรดาคนที่สนับสนุน และ มีการนำมาเผยแพร่ในเมืองไทยอย่างรวดเร็ว ในการกระทำย่อมแสดงโดยตัวมันเองว่า แท้จริงแล้ว นาทักษิณให้ความสนใจต่อเรื่องดังกล่าว มากเรื่องหนึ่ง ลงทุนขนาดเอาเหตุผลเอาความเป็นสากลมาทำลายล้างการกระทำของ คสช. เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง อธิบายตัวเอง ประมาณว่า ไม่เป็นไร ไม่มียศตำแหน่ง ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะ ฝรั่ง หรือ สากลเขาไม่สนใจในเรื่องนี้กันหรอก
และที่หนักที่สุดก็คือ นายทักษิณ สามารถนำหลักพุทธมาบิดหยิบยกมาไม่หมดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย การนำหลักการปล่อยวางเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ เป็นเรื่องภายนอก ไม่ควรยึดติด ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แท้จริง แล้ว ในการสั่งสอนของสังคมไทยสังคมพุทธ มายาวนานในเรื่อเหล่านี้คือ
อย่าไปยึดถือในเรื่อง ทรัพย์สินเงินทอง หรือความสุขทางกายภายนอก มากเกินไป อย่ายึดติดในลาภ ยศสรรเสริญ เพราะตายไปก็เอาไปไม่ได้ ให้หมั่นทำคุณความดี สร้างความดี เพื่อผดุงชื่อเสียงเกียรติยศไว้ให้ลูกให้หลาน เมื่อตายไป คนรุ่นหลังยังคิดถึงคุณงามความดี ที่ปรากฏเป็นเกียรติยศไว้สืบไปในภายหน้า
ในทางพุทธสอนให้ประพฤติปฏิบัติชอบ ทำมาหากินโดยสุจริต ไม่เบียดเบียนเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นของตัวเองและพวกพ้อง
และอย่างที่ทราบกันในเมืองไทย ชื่อเสียง เกียรติยศนั้น เป็นสิ่งที่ต้องมีการกระทำประกอบคุณงามความดี มีการกระทำในตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญ จึงจะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศเหล่านั้น
ส่วนการถอดยศ ถอดตำแหน่งนั้น แน่นอนว่าเป็นการดำเนินการกับผู้ที่มีความผิดที่ชัดเจนถึงขั้นร้ายแรง จึงจะถูกถอดยศถอดตำแหน่ง เป็นการดำเนินการทางสังคมที่รุนแรงมากมาตรการหนึ่งทีเดียว
ดังนั้น การพยายามยกเอาความเป็นสากลมาอธิบาย ยกเอาหลักของพุทธมาบิดอธิบาย จึงเป็นความพยายามที่จะบรรเทาและปลอบประโลมตัวเองต่อ เรื่องของ เกียรติยศ ชื่อเสียง ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนสำคัญทางสังคมนั้นเอง
การหยิบประเด็นเรื่อง ยศ มาพูดและทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. และโยงไปยังประเด็นการเมือง ประเด็นของรัฐธรรมนูญ และเมื่อย้อนดูแนวทางของนายทักษิณในทางการเมืองที่ผ่านมา ย่อมมองทิศทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ไม่ยากว่า การที่จะยอมรับปล่อยวางเหมือนดังที่พูดจาปราศรัย เป็นเรื่องยากที่จะเป็นจริงได้.....ความเข้มข้นในทางการเมืองยังเป็นประเด็นร้อนที่ยังต้องจับตาต่อไป......
เปลวไฟน้อย