รถบัสทะลุทางสามแพร่ง ชนบ้านพังครื้น ทับเก๋งติดแก๊สระทึก
ชาวบ้านหนีจ้าละหวั่น รถบัสโดยสารทะลุสามแยก พุ่งชนบ้านอย่างจัง กระเด็นเกยทับรถติดแก๊ส โชคช่วยเจ้าของบ้านนอนอยู่อีกส่วน คาดคนขับรถบัสหลับใน
(12 ก.ย.) เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.ท.ธนวรรธน์ วรพัฒรัชฏากุล ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งเหตุมีรถบัสโดยสารปรับอากาศขนาดเล็ก พุ่งชนบ้านเรือนประชาชน บริเวณสามแยกทางไป อ.วาปีปทุม และ อ.เมืองมหาสารคาม จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยจีเสียงเกาะ กู้ภัยเทพนิมิต กู้ภัยอโศก กู้ชีพโรงพยาบาลมหาสารคาม รุดไปตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน ถูกรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กสีขาว เส้นทางสกลนคร-มหาสารคาม พุ่งชนเข้าไปอยู่ใต้ถุนบ้าน แต่เนื่องจากความสูงของตัวรถ จึงได้ชนเข้ากับผนังบ้านและทะลุออกไปยังด้านหลัง ส่งผลให้คานรับน้ำหนักและพื้นบ้านที่เป็นไม้พังลงมากองที่พื้น
ขณะที่สภาพรถโดยสารคันที่เกิดเหตุ ด้านหน้าชนกับต้นมะพร้าวและห้องน้ำหลังบ้าน ตัวรถพังยับเยินจอดนิ่งสนิทลงไปในบ่อโคลน ส่วนใต้ล้อรถโดยสารยังพบซากรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู 316ไอ จอดพังเสียหายอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่บนรถยนต์คันดังกล่าว ส่วนคนขับรถโดยสารถูกชนอัดก็อปปี้อยู่ที่นั่งด้านหน้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคือ นายพิทักษ์ อายุ 45 ปี
นางปราณี อายุ 65 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งนอนพักผ่อนอยู่บนบ้านหลังดังกล่าว อยู่ในสภาพตื่นตกใจช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังได้กันพื้นที่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากทราบว่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูที่ถูกทับอยู่นั้น มีการติดตั้งระบบแก๊สแอลพีจี จึงประสานงานรถน้ำดับเพลิงฉีดน้ำสกัดเอาไว้ จนสถานการณ์คลี่คลายลง
จากการสอบสวนทราบว่า รถโดยสารปรับอากาศคันดังกล่าว ขับมุ่งหน้ามาจาก อ.วาปีปทุม กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองมหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางสามแยก รถโดยสารเกิดเหตุขัดข้องบางประการ ไม่ได้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง แต่พุ่งตรงชนตัวบ้านได้รับความเสียหาย โชคดีที่เจ้าของบ้านพักผ่อนอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เนื่องจากคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่สามารถให้ปากคำได้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนขับอาจจะเกิดอาการหลับใน เนื่องจากบริเวณพื้นถนนไม่พบร่องรอยการเบรกแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านละแวกดังกล่าว ก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ เนื่องจากจุดดังกล่าวมักจะมีเหตุแบบนี้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุด