ทนายความเยี่ยมอาเดมที่มทบ.11ย้ำไม่โยงบึ้ม
ทนายเข้าเยี่ยม 'อาเดม' ยืนยันเป็นชาวตุรกี เดินทางผ่านไทย เพื่อไปประเทศที่สาม อ้างไม่เกี่ยวข้องเหตุระเบิดกลางกรุง
นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม คาราดัก หรือ นายบิลา เติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหา "ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย" ที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ซึ่งถูกจับกุมได้ภายในพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เดินทางเข้าเยี่ยม นายอาเดม ภายหลังถูกนำตัวมาควบคุมไว้ยังเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครชัยศรี ในพื้นที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) พร้อมกับ นายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาคดีนี้อีก 1 คน
โดย นายชูชาติ ระบุว่า จากการพูดคุยก่อนหน้านี้ นายอาเดม ยืนยันว่าตัวเองมีสัญชาติตุรกี เดินทางมาจากเมืองอิสตันบลูประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนเมษายน ก่อนเดินทางไปพักที่เวียดนาม และทำพาสปอร์ตปลอม โดยใช้ชื่อว่า นายอาเดม คาราดักจากนั้นเดินทางไปลาว และอาศัยอยู่ที่ลาว 35 วัน ก่อนที่ นายอับดุลเลาะห์ นายหน้า จะเป็นผู้พาเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 21สิงหาคมที่ผ่านมา โดยพาไปพักอาศัยอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก และวันที่ 24 สิงหาคม นายอับดุลเลาะห์ ก็ได้มาพบ นายอาเดม พร้อมระบุว่า อยู่ระหว่างดำเนินการพาไปประเทศที่สาม โดยอ้างว่าภายในห้องพัก ไม่มีสารประกอบระเบิดแต่ของกลางที่พบเจ้าหน้าที่ได้นำมาจากที่อื่น ก่อนนำมาในห้องพักของ นายอาเดม และบันทึกภาพ และยืนยันไม่มีความรู้เกี่ยวกับการประกอบระเบิดด้วย
ทั้งนี้ นายชุชาติ ยังกล่าวว่า นายอาเดม ระบุว่า ทหารได้ดูแลเป็นอย่างดี และไม่กังวลกรณีถูกย้ายสถานที่ควบคุม เพราะมีการชี้แจงและทำความเข้าใจแล้ว แต่มีความกังวลในเรื่องอาหาร เพราะนายอาเดม ค่อนข้างเคร่งครัดในการทานอาหารตามหลักศาสนาอิสลาม และจากนี้ทางทนายความจะติดต่อญาติของนายอาเดม ที่ประเทศตุรกี เพื่อเตรียมวางแผนการต่อสู้คดีความ ในประเด็นเบื้องต้นคือ การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการใช้พาสปอร์ตปลอม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อสถานทูตตุรกี
ขณะที่บรรยากาศที่ มทบ.11 นั้น ทหารยังคงวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านเข้า-ออกอย่างละเอียด พร้อมบันทึกภาพหมายเลขทะเบียนด้วยกล้องดิจิตอล ส่วนสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์นั้น ทหารไม่อนุญาตให้ตั้งกล้องบริเวณด้านหน้า มทบ.11 โดยให้สังเกตการณ์อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น