ศาลอนุญาตปล่อยตัว หมูแฮม หลังยื่นโฉนด 6ล้านขอประกัน
ทนาย หมูแฮม หอบโฉนดที่ดินกว่า 6 ล้านขอศาลประกันตัว ล่าสุดอนุญาตให้ประกันและปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว
(30ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ ว่า เวลา 15.00 น. ภายหลังศาลพิพากษาให้จำคุก นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือหมูแฮม 10 ปี 1 เดือนแล้ว ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ราคาประเมินกว่า 6 ล้านบาท โดยศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท
ก่อนหน้านั้นเวลา 09.30 น.วันเดียวกันที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 7 (พระโขนง) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ และนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย
ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค.50 เวลา 22.50 น. นายกัณฑ์พิทักษ์ ใช้ก้อนหินทุบใบหน้านายสถาพร อรุณศิริ พนักงานขับรถโดยสาร ปรับอากาศ (ปอ.) สาย 513 และขับรถเบนซ์ พุ่งชน ผู้โดยสารที่ยืนบนทางเท้า และนางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก. เสียชีวิต หลังเกิดเหตุรถเมล์ขับปาดหน้ารถของนายกัณฑ์พิทักษ์ให้หยุดบริเวณ หน้าป้อมตำรวจจราจรที่ปากซอยสุขุมวิท 26 แยกอารีย์ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จากการกระทำของจำเลยไม่น่าเชื่อว่าจำเลยมีสติฟั่นเฟือน ส่วนที่จำเลยอ้างว่า ต้องได้รับการรักษาอาการป่วย และมีอาการเกร็งขณะเกิดเหตุ ศาลเห็นว่าที่จำเลยมีอาการเกร็งซึ่งเกิดจากจำเลยมีความเครียดจากการก่อเหตุเท่านั้น และที่จำเลยอ้างว่าบังคับตัวเองไม่ได้เพราะมีสภาพจิตแปรปรวนนั้น จำเลยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ชัดเจน พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ โดยการกระทำของจำเลยเกิดจากการถูกเลี้ยงดูตามใจจึงก่อเหตุดังกล่าว
พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 15 ปีฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยพยายามฆ่า และฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำคุก 2 เดือน แต่คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ประกอบกับจำเลยได้บรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหาย หลายคน เป็นเงินจำนวนพอสมควร และเมื่อคำนึงถึงสุขภาพแห่งจิตแล้ว จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 ฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยพยายามฆ่า คงจำคุก 10 ปี และลดโทษกึ่งหนึ่งฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น คงจำคุก 1 เดือน เมื่อรวมโทษแล้วจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 10 ปี 1 เดือน โดยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่นางทองคำ หลวงแสง มารดาของ นางสายชล หลวงแสง ซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินรถโดยสารปรับอากาศ สาย 513 ผู้เสียชีวิต จำนวน 2,158,500 บาท และผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย รวม 900,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ซึ่งคำนวณนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ภายหลังนายกัณฑ์เอนก บิดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ กล่าวว่า นายกัณฑ์พิทักษ์ มีความไม่สบายใจ และรู้สึกสำนึกผิดที่ได้กระทำไป ครอบครัวได้เยียวยาค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการเงินของครอบครัวเหมือนกัน ส่วนคดีนั้นจะขอยื่นอุทธรณ์ต่อไป