เพจตำรวจชื่อดังโพสต์ถึง น้องตั๊น จิตภัสร์ สมัครเป็นคนในเครื่องแบบ

(23 ก.ย.) จากประเด็น น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ ตั๊น อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. เข้าสมัครคัดเลือกบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) หรือ ตำรวจ 191 จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ตลอดระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมา

แม้ว่าล่าสุดนั้น ตั๊น จิตภัสร์ ยังอยู่ในขั้นตอนระหว่างการพิจารณา โดยทำการการสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกายตามกฎระเบียบไปเป็นทีเรียบร้อยแล้ว หลังผ่านการพิจารณาคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ได้ออกมายืนยันว่า การสมัครของ ตั๊น จิตภัสร์ เป็นไปตามขั้นตอนและยังต้องแข่งขันผู้สมัครคนอื่นๆ เพราะตำแหน่งนี้รับบรรจุเพียงตำแหน่งเดียว

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่างๆ ในสังคม หนึ่งในนั้นยังมีข้อคิดเห็นจากเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Thailand Police Story ที่มีการโพสต์ถึงประเด็นร้อนๆ ครั้งนี้ โดยผู้ดูแลเพจดังกล่าวได้ใช้พื้นเล็กๆ พูดถึงกรณีการสมัครข้าราชการตำรวจของ ตั๊น จิตภัสร์ ว่า...

"การสมัครเข้าบรรจุเป็นตำรวจของ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ ตั๊น ว่าในวันนี้ (22 ก.ย.) ได้มีการตรวจร่างกายเพิ่มเติมในโรงพยาบาลแล้ว แอดมินจึงขอพูดแบบเป็นกลางที่สุดที่คนภายนอกหรือผู้บังคับบัญชาอาจจะยังไม่ทราบ ในมุมมองของตำรวจด้วยกันเอง ขอให้มองข้ามคำว่าการเมืองไป ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็น กปปส. หรือ นปช. เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหนตำรวจก็ต้องออกมาทำหน้าที่เป็นตัวกลางอยู่ดี

แต่ในวันนี้ตำรวจมองถึงเรื่องความรู้สึกและเกียรติที่ตำรวจได้รับเป็นหลัก ไม่ว่าจะเรื่องเหยียดหยามศักดิ์ศรี ทำลายป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้สไนเปอร์ยิงเพื่อนตำรวจ หรือโยนระเบิดให้ตำรวจเตะ ซึ่งขณะนี้เลยคำว่าการเมืองออกไป พูดในฐานะที่เข้าใจเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยกันมากที่สุด และเกรงว่ากรณีนี้จะกลายเป็น น้ำผึ้งหยดเดียว"

ขณะที่อีกหนึ่งเพจเฟซบุ๊ก ตำรวจไทย สู้ๆ ก็ได้โพสต์ถึงกรณีเช่นกัน โดยได้แต่งกลอนที่มีเนื้อหาใจความเกี่ยวข้องกับประเด็นของ ตั๊น จิตภัสร์ ว่า...

วันถูกหยาม เหยียดหมิ่น ถึงถิ่นที่
คนพาลปรี่ รื้อป้าย ทำลายบ้าน
ก้มลงเก็บ เศษซาก แสนทรมาน
ใจแหลกราญ รอนร้าว ดังเผาไฟ
อยากถามนาย ไม่เจ็บ ใช่ไหมครับ
นายถึงจับ ยัดเยียด ตั้งยศให้
มันฝากแผล ยังมีผล แสนเจ็บใจ
ขอเลิกไหว้ นายสูงใหญ่ จากใจจริง

ซึ่งหลังจากโพสต์ความคิดเห็นดังกล่าว ถูกโพสต์เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นตอบกลับในหลายทิศทาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กระทั่งในเวลาต่อมา ผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ตัดสินใจลบข้อความดังกล่าวออกไป หลังโพสต์ขึ้นเพียงไม่นานนัก

Source: Thailand Police Story และ ตำรวจไทย สู้ๆ