ลูกชายผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขโมยปืนพ่อ-จี้แท็กซี่-ซื้อยาบ้าเสพ

25 ก.ย. - ลูกชายผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสุดแสบ ติดยาบ้า ไม่มีเงินซื้อ ขโมยปืนพ่อที่มีคนมาจำนำไว้ ไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่ สุดท้ายไม่รอด และยังทำให้พ่อและเจ้าของปืนถูกดำเนินคดีเรื่องจำนำอาวุธปืนที่มีทะเบียนอีกด้วย

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) เวลา 15.00 น. ตำรวจ สภ.บางเสาธง ควบคุมตัว นายณัฐพล เอี่ยมท้วม อายุ 26 ปี ลูกชายผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณซอยพิกุลแก้ว ต.ศีรษะจระเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังจากก่อเหตุลักปืนของพ่อ ที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่ ที่มีนายปัญญา อินโคตร เป็นคนขับ ได้เงินสดไป 810 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และพระเครื่องอีก 13 องค์ พร้อมกับเอารถแท็กซี่ไปด้วย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

นายณัฐพล สารภาพว่า ตนติดยาบ้างอมแงม ไม่มีเงินซื้อย้าบ้ามาเสพ จึงวางแผนลักเอาปืนลูกโม่ ที่มีคนนำมาจำนำพ่อของตนไว้ ไปชิงทรัพย์หาเงินมาซื้อยาบ้าเสพ หลังลักปืนมาแล้ว ระหว่างเดินมาตามถนนวัดศรีวารีน้อย พบรถแท็กซี่วิ่งผ่านมาจึงได้โบกรถให้ไปส่งในซอยหลังวัดศรีวารีน้อย ขณะที่นั่งรถแท็กซี่ผ่านมาถึงที่เกิดเหตุ คนขับรถแท็กซี่เห็นว่าเป็นทางเปลี่ยว จึงหันหัวรถกลับ พร้อมกับบอกตนว่าให้เรียกแท็กซี่คันอื่นไปต่อ โดยที่คนขับแท็กซี่คนนั้น เป็นคนเรียกรถแท็กซี่คันใหม่ที่มีนายปัญญาเป็นคนขับให้

เมื่อตนขึ้นรถแท็กซี่คันใหม่ ที่มีนายปัญญาเป็นคนขับมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางเปลี่ยว ตนจึงได้ชักปืนที่ลักจากพ่อออกมาจี้ บอกให้คนขับรถแท็กซี่จอด และส่งทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดมาให้ตน พร้อมกับบอกให้นายปัญญาลงจากรถ และตนได้ขับรถแท็กซี่ของนายปัญญาออกมาห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กม. กลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับ จึงได้จอดรถทิ้งไว้ข้างทางแล้วหลบหนีไป โดยนำเงินสดและทรัพย์สินไปขายซื้อยาบ้ามาเสพ

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ชิงทรัพย์ในยามวิกาลโดยมีหรือใช้อาวุธปืน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง ชุมชน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรเร่งด่วน นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวนั้น จะได้ติดตามเจ้าของปืนที่แท้จริง ที่นำเอาอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มาจำนำไว้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนั้น มาดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.อาวุธปืนที่มีทะเบียน แต่ห้ามให้ผู้อื่นครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นกัน - สำนักข่าวไทย