นายฮ้อยสารภาพกุเรื่องถูกปล้น 2 แสน กลัวเมียด่าเสียพนันไฮโล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร แถลงข่าวข้อเท็จจริง กรณีเหตุคนร้ายดักปล้น พ่อค้าควายชาวสกลนคร สูญ 2 แสนบาท เงินที่เพิ่งได้จากการขายควาย 4 ตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2558 เวลา 19.00 น.ถนนพังขว้างใต้-ดงขุมข้าว ช่วงหมู่ 3 บ้านดงขุมข้าว ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ผู้เสียหายคือ นายถนอม หรือ นายฮ้อยโจ้ อายุ 45 ปี
นายฮ้อยโจ้ ให้การอ้างว่า คนร้าย 3 คน ได้ทุบกระจกหน้ารถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน บธ 3383 สกลนคร ติดตั้งโครงเหล็ก เพื่อบรรทุกควาย แล้วเปิดประตูล้วงเอาเงิน จากกระเป๋าคาดเอวไปจำนวน 2 แสนบาท โดยไม่ทำร้าย
แต่จากการให้การไม่ตรงกับความเป็นจริงกับมูลเหตุที่เกิดขึ้น เช่น คนร้ายใช้ค้อนทุบรถและดึงเอาเงินจากกระเป๋าคาดเอว และจากคำให้การถึงรูปพรรณของคนร้าย ให้การวกวน และที่สำคัญพื้นที่ที่เกิดเหตุ อยู่ใกล้บ้านเรือนประชาชน แต่ไม่มีใครทราบเรื่องถึงการปล้นทรัพย์ดังกล่าว
และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่ผู้เสียหายอ้างว่า คนร้ายได้เปิดประตูรถกระบะแล้วล้วงเอาเงินสดก็ไม่พบลายนิ้วมือ พบแต่เพียงลายนิ้วมือของนายถนอมเท่านั้น หลักฐานมัดแน่นหนา เลยสารภาพเจ้าหน้าที่ว่าตนเองเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด
โดย นายถนอม ให้การสารภาพว่า ตนได้เดินทางไปยัง จ.มุกดาหาร จริง แต่เพื่อนที่ร่วมเดินทางได้ชักชวนไปเล่นไฮโล ซึ่งเป็นบ่อนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เสียการพนันหมด และคิดไม่ตก ตนไม่รู้จะทำอย่างไร กลับบ้านก็ต้องเจอเมียด่าว่าไม่ได้เงินจากการขายควาย เลยคิดแผนการทุบรถถูกปล้นทรัพย์
ก่อนถึงบ้านประมาณ 5 กม.เลยเอาก้อนหินมาทุบรถและแจ้ง 191 ว่าตนเองถูกปล้นเงิน โดยคนร้าย 3 คนฉกทรัพย์ไปจนหมด ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิด ลุกลามไปไกลขนาดนี้ ตนขอโทษประชาชนชาวสกลนครที่ตกใจว่ามีโจรตระเวนอยู่แถวนี้ ตนเป็นคนกุเรื่องนี้ขึ้นทั้งหมด ฝากขอโทษอีกครั้ง และฝากถึงผู้ที่ชอบเล่นการพนันด้วยว่าเงินไม่ได้หามาง่ายๆ การพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแจ้งความเท็จ มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาแจ้งความเท็จ มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท