หนุ่มหักดิบเลิกกัญชา เพี้ยนโทรป่วนสายด่วน 5,880 ครั้ง

หนุ่มหักดิบเลิกกัญชา เพี้ยนโทรป่วนสายด่วน 5,880 ครั้ง

หนุ่มหักดิบเลิกกัญชา เพี้ยนโทรป่วนสายด่วน 5,880 ครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มวัย 27 ปี หักดิบเลิกกัญชาเพื่อแม่ เกิดอาการเพี้ยนโทรก่อกวน 191 วันเดียว 5,880 ครั้ง ทำสถิติมากสุดในประเทศ 

ร.ต.ท.กฤษณะ ขุนฤทธิ์ สว. (191) กก.สส.ภ.จ.ชุมพร พร้อมกำลังได้ควบคุมตัว นายอดิศักดิ์ อายุ 27 ปี ชาว จ.ชุมพร หลังจากใช้โทรศัพท์มือถือโทรเข้าไปก่อกวนสายด่วนฉุกเฉิน 191 ที่กองกำกับการตำรวจภูธร จ.ชุมพร

พ.ต.อ.ณัฎฐภาคิน ขวัญชัยพฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร ซึ่งเดินทางมาร่วมสอบสวนบอกว่าวันที่ 30 ก.ย.58 ที่ผ่านมา ได้มีโทรศัพท์มือถือหมายเลข 081-077-XXXX โทรศัพท์เข้าไปก่อกวนที่ศูนย์รับแจ้งเหตุสายด่วนฉุกเฉิน 191 ของ บก.ภ.จ.ชุมพร เป็นจำนวนมากถึง 5,880 ครั้ง แล้วไม่พูดจาได้แต่หัวเราะบ่นพึมพำ แต่ไม่แจ้งเหตุใดๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับแจ้งเหตุได้จนส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนจากประชาชน

จึงได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์มือถือดังกล่าวจนทราบว่าเจ้าของหมายเลขคือ นายอดิศักดิ์ อายุ 27 ปี จึงนำกำลังไปจับกุมได้ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์โทรเข้าไปก่อกวนสายด่วนฉุกเฉิน 191 จากทั่วประเทศภายในวันเดียวนั้น

ครั้งนี้ถือว่าเป็นสถิติมากที่สุดของประเทศเท่าที่มีการโทรก่อกวนเพียงวันเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ 191 บก.ภ.จ.ชุมพร ไม่สามารถรับสายจากประชาชนได้เลย

เจ้าหน้าที่ได้สอบสวน นายอดิศักดิ์ ซึ่งมีอาการเหม่อลอยพูดจาเลื่อนลอยเหมือนคนเพ้อเจ้อสับสนวกวนไปมา ขณะที่นางวรรัตน์ อายุ 53 ปี แม่ของนายอดิศักดิ์บอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายเสพกัญชามานานและติดอย่างหนัก จนกระทั่งวันแม่ที่ผ่านมาลูกชายตนได้หักดิบสัญญากับตนว่าจะเลิกกัญชาเพื่อแม่อย่างเด็ดขาด

จากนั้นเป็นต้นมาลูกชายมีอาการแปลกๆ พูดมาก บ่นพึมพำ ไม่หลับไม่นอน เหมือนคนอาการวุ่นวาย จนมาถูกตำรวจไปจับที่บ้านจึงรู้ว่าลูกชายโทรไปก่อกวนที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายอดิศักดิ์ กับนางวรรัตน์ สองแม่ลูกที่ยินยอมด้วยความสมัครใจทำพันธสัญญาว่าจะควบคุมดูแลและจะไม่ให้มีการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก แล้วปล่อยตัวกลับบ้านไป เนื่องจากความผิดข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญเป็นความผิดภาคลหุโทษ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook