แบน “อาบัติ” แน่ใจแล้วหรือ?

เป็นอันทราบกันโดยถ้วนทั่วว่า ภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" ถูกสํานักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฆาตกรรมทำแท้งจนหนังไม่ได้เกิด ด้วยการห้ามฉาย ห้ามเผยแพร่

แต่หากจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จะต้องนำกลับไปแก้ไขมาใหม่ โดยตัดบางส่วนบางตอนออก พร้อมทั้งเสนอแง่คิดมุมมองตอนจบ "ด้วยการสื่อให้เห็นว่า ความจริงแล้วหลักพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไร เพราะภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เสนอในมุมมองของคนที่มองศาสนา โดยที่ไม่ได้เข้าใจในหลักศาสนาอย่างแท้จริง"

นอกจากนี้ ยังมีการอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมด้วยว่า จากการตรวจเนื้อหาภาพยนตร์ มีความต่อเนื่องในการแสดงถึงพฤติกรรมทางลบของพระสงฆ์ ทั้งในด้านชู้สาว ในด้านการฆาตกรรม ด้านการไม่เคารพต่อพระพุทธรูป ลักษณะจับเศียรพระ ฉากของการที่พระสูบบุหรี่ ฉากที่พระจะเสพกัญชา มีฉากของการให้นิยามความคิดในเรื่องความรักกับพระ

สิ่งเหล่านี้ ตนเห็นว่ามีลักษณะของการประจานความผิดของบุคคลอื่น ดูแคลน กดผู้อื่นให้ต่ำลง เป็นการขาดความคารวะต่อพระสงฆ์ อันเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ผู้สร้างภาพยนตร์จะต้องคำนึงถึงกาลเทศะ ความเหมาะสม และบริบทของสังคมไทยด้วย

เพราะการนำพฤติกรรมทางลบมาเผยแพร่สู่สาธารณชนนั้น ย่อมกระทบต่อการศรัทธาต่อพระสงฆ์ ขณะเดียวกันพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาด้วยใจ ก็จะกระทบกับความรู้สึกและถูกลดทอนคุณค่าด้วยเช่นกัน ทางคณะกรรมการจึงมีความเห็นว่าเนื้อหาภาพยนตร์มีสาระสำคัญของเรื่องที่นำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนาพุทธ

ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานมุมมอง ในเรื่องการจรรโลงพระพุทธศาสนาในแบบของกระทรวงวัฒนธรรม และสำนักพุทธฯ แต่ ก็มีคำถามที่อยากนำเสนอว่า

การนำเสนอ การสื่อ ถึงพฤติกรรมด้านลบของ พระ ในหนัง เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทยเลยใช่หรือไม่..?

เมืองไทยไม่เคยมีพระสูบบุหรี่ สูบกัญชา พระเสพสุรา เสพเมถุน นั่งล้อมวงกระดกสุรา มั่วสีกา พระอวดอุตริฯลฯ เลยใช่หรือไม่..?

และ คนไทยไม่มีสติปัญญาแยกแยะได้เลยหรือว่า พระแท้ๆ ที่เป็นสงฆ์เป็นผู้สืบมรดกธรรม ผู้เผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ กับ ร่างที่ห่มผ้าคล้ายพระ นั้นต่างกันอย่างไร..?

การผูกขาดการตีความในเรื่องความเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริงนั้น ก็อยากถามว่า กรณีมีการตีความหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ สร้างนิกายที่ผิดแผกแตกต่างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การสั่งสอนให้ซื้อบุญ อวดอุตริ อ้างตนมีความรู้เหนือกว่าพระพุทธเจ้า เป็นพระสงฆ์แต่สะสมทรัพย์สมบัติมากมาย ฯลฯ

เหล่านี้ กระทรวงวัฒนธรรมและสำนักพุทธ คิดเห็นอย่างไร...สิ่งเหล่านี้เป็นหลักศาสนาที่แท้จริงหรือ ? และกระทรวงวัฒนธรรม กับสำนักพุทธ จะทำอย่างไร..?

โดย : เปลวไฟน้อย