น้ำตานอง วอนช่วยคุณตาวัย 75 กับภรรยาสติไม่ดี เร่ร่อนจึงนำมาดูแล

น้ำตานอง วอนช่วยคุณตาวัย 75 กับภรรยาสติไม่ดี เร่ร่อนจึงนำมาดูแล

น้ำตานอง วอนช่วยคุณตาวัย 75 กับภรรยาสติไม่ดี เร่ร่อนจึงนำมาดูแล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของคุณตาวัย 75 ปี กับภรรยาเร่ร่อนสติไม่ดีที่เก็บมาดูแลจากข้างถนน วอนเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ  

(15 ต.ค.)  โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของคุณตาวัย 75 ปี กับ ภรรยาเร่ร่อนสติไม่ดีที่คุณตาได้ช่วยเหลือดูแลมากว่า 30 ปี จนวันนี้ร่างกายของคุณตาได้โรยราไปตามกาลเวลาไร้คนเหลียวแล วอนหน่วยงานราชการเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากคุณตาป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล ไม่ได้รับสิทธิเบี้ยคนชราเนืองจากบัตรประชาชนหมดอายุมานาน

เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่โดยสมาชิกเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Phechpanpee Coe  โดยข้อความระบุดังนี้  

#‎เพราะความจนลุงจึงต้องทนเจ็บปวด‬ ‪#‎ถ้าจะตายผมก็ขอตายพร้อมกัน‬ ‪#‎แค้นใจจริงๆ ที่ผมช่วยเมียไม่ได้‬

คุณลุง บุญยัง ดีจำเนียร ชายชรา อายุ 75 ปี อาศัยอยู่กับภรรยาที่แกเก็บมาเลี้ยงเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยแกตั้งชื่อภรรยาว่าจันทร์ ภรรยาพิการซ้ำซ้อน เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และ เป็นดาวซิมโดรม คุณลุงเล่าว่า พบภรรยาเก็บเศษอาหารกินและเธอนั่งร้องให้อยู่คนเดียว คุณลุงเลยพามาอยู่ด้วยกัน คุณลุงไม่รู้ว่า เธอเป็นใครมาจากไหน ตัวเธอเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ด้วยความเวทนา คุณลุงจึงดูแลเธอมาตั้งแต่นั้นมา

เนื่องจากไม่ทราบว่าภรรยา พื้นเพเป็นใคร มาจากไหน ‪#‎คุณลุงจึงไม่ได้พาภรรยาไปทำบัตรประชาชน‬ และปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ ส่วนตัวของคุณลุงเอง ก็ไม่ได้ไปทำบัตรประชาชนตั้งแต่บัตรหมดอายุไปตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ทำให้คุณลุง และ ภรรยา ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในการรักษาได้ รวมทั้งไม่ได้รับเบี้ยคนพิการ และ คนชราด้วย

บางคนอาจคิดว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ หรือ คำตอบคือ ใช่ หลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ เพราะความไม่รู้และไม่มีคนแนะนำ

เดิมที คุณลุงมีอาชีพ เก็บของเก่าขาย มีรายได้ วันละ 80-100 บาท พอได้ใช้จ่าย ประทังชีวิตกับภรรยาสองคน แต่เนื่องจากอายุที่มากขึ้น หัวเข่ามีอาการปวด ก้าวขาไม่ค่อยออก จึงไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม คุณลุงมีโรคประจำตัวคือความดันสูง บางครั้งมีอาการปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว แต่คุณลุงไม่ได้ไปหาหมอ เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชนและไม่มีเงิน จึงได้ทนทรมานกับโรคภัยมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนอาหารที่นำมาประทังชีวิต คุณลุงขอมาจากศาลเจ้า พอได้กินประทังความหิวกับภรรยา

บ้านที่คุณลุงอยู่ มีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากฐานะยากจนมาก จึงไม่มีไฟฟ้า และ น้ำประปาใช้ยามค่ำคืน คุณลุง ใช้เทียนจุดเพื่อให้แสงสว่าง เมื่อจะอาบน้ำก็ใช้น้ำคลองอาบชำระร่างกาย ส่วนห้องอาบน้ำไม่มีที่กั้น และห้องน้ำมีเพียงโถนั่งที่ไกล้จะพัง

บ้านหลังนี้ปลูกมาหลายสิบปีบนที่คนอื่น ซึ่งตอนนี้เจ้าของที่ได้ฟ้องร้องขับไล่ ชาวชุมชนแถวนั้นให้ออกไป

เหตุการณ์นี้ ทำให้คุณลุง มีความทุกข์ใจ และนอนหลับไม่เคยเต็มตาเลยซักวัน หากโดนไล่ที่จริงๆ จะย้ายไปอยู่ที่ไหนเล่า หรือจะอาศัยนอนที่ศาลเจ้า เพราะไม่มีเงินค่าเช่าให้เขา

ความทุกข์ของคุณลุงยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เนื่องจากนางจันทร์ ภรรยาของคุณลุงที่พิการแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อหลายปีก่อนเธอป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก อาการหนักมากนอนทรมานเพราะไม่ได้รับการรักษ จนประธานชุมชนสุขสำราญ สงสารและเวทนา จึงพาเธอไปรักษาโดยใช้สิทธิ์ผู้ป่วยฉุกเฉิน และใช้ตำแหน่งเป็นประกัน รักษา ผ่าตัดมดลูกที่ ร.พ ตากสิน ซึ่งตัดก้อนเนื้อออกไปได้ 6 กิโล แม้จะผ่าตัดเนื้องอกออกไปแล้ว แต่ ความโชคร้ายกลับซ้ำเติมเธอหนักเข้าไปอีก เพราะหมอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็ง ปากมดลูก จึงทำเรื่องส่งตัวไปที่ ศิริราช

แต่เพราะความจน เงินไม่มี ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์ในการรักษา เธอจึงไม่ได้ไปรักษาอีก จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้

ลุงบุญยัง แม้จะรักภรรยาแค่ไหน แต่แกไม่รู้จะแก้ปัญหาชีวิตที่รุมเร้ายังไง แกจึงพูดทั้งน้ำตาบอกเราว่า ผมไม่เอาเขาไปรักษา เพราะผมรู้ว่า เมียผมเป็นโรคมะเร็ง รักษายังไงก็คงตายอยู่ดี (เรารู้ว่าสิ่งที่ลุงพูด ลุงพูดเพียงเพื่อประชดชีวิต แต่ใจจริงแล้วลุงอยากหาทางรักษาภรรยามาก)

ลุงบอกว่า ผมไม่มีเงินรักษา แม้แต่ค่ารถผมยังไม่มี ผมอายุเยอะแล้ว จะพาเขาไปไหนก็ลำบาก บางทีผมเห็นเขาปวดทรมาน ผมก็ได้แต่กุมมือเขาไว้ กอดเขาไว้ มันแค้นใจจริงๆ ครับ ที่ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้ ผมสงสารเขา เกิดมาก็พิการ พ่อแม่ก็ไม่มี ยังต้องมาเป็นแบบนี้อีก (น้ำตาไหล สะอื้น)

ตอนนี้ผมปวดหัวเข่า ปวดท้องมากทุกวัน ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ไม่กล้าไปตรวจ ไม่กล้าไปหาหมอ..ถ้าจะตาย ก็ขอตายด้วยกันทั้งสองคน ผมไม่อยากให้เค้าลำบาก ถ้าไม่มีผม เค้าจะอยู่ยังไง.....ใครจะดูแลเค้า ใครจะหาข้าวหาน้ำให้เค้ากิน (ร้องไห้)

เราบอกคุณลุงว่า คุณลุงคะ หนูจะช่วยลุงนะคะ ลุงสะอื้น ตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้นและน้อยเนื้อต่ำใจว่า มีคนมาหาบอกว่าจะช่วยเป็นสิบคน มาแล้วก็ไปไม่เคยช่วยผมได้ซักคน ไม่มีเลย ไม่มี (ร้องไห้หนัก)

และเดินไปทำใจ เรารอจนคุณลุงสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงปรึกษากับประธานชุมชนว่าจะไปทำบัตรประชาชนใหม่ให้คุณลุง คุณลุงจะได้มีสิทธิ์รักษาและได้เบี้ยคนชรา 700 บาทตามสิทธิ์ ส่วนภรรยาของคุณลุง เราโทรสอบถาม กระทรวงสิทธิ์ฯ ได้รับคำแนะนำให้หาคนหรือญาติพี่น้องมายืนยันตัวตน ภรรยาของคุณลุงและแจ้งเกิดใหม่ นั่นคือทางออก ในการรับสิทธิ์รักษาและได้บัตรประชาชน 

‪#‎ซึ่งจะได้รับเงินเบี้ยคนพิการมาเยียวยาความเดือดร้อนด้วย‬ เราโทรไปสอบถามหลายหน่วยงาน ภารกิจนี้ ไม่ง่ายเลย ที่จะช่วยคุณลุงและภรรยา แต่เราจะพยายามช่วยเหลือคุณลุงและภรรยาให้ได้รับการรักษา และเยียวยาความเดือดร้อนให้ได้ และให้เร็วที่สุด เพราะเรารู้ว่าคุณลุงบอบช้ำ และทุกข์มามากแล้ว

‪#‎คุณลุงจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น‬

ก่อนกลับ เราคุกเข่าข้างๆ คุณลุง และมอบเงินให้คุณลุง แต่คุณลุงนั่งตัวแข็งไม่ยอมรับ เราจึงบอกคุณลุงว่า คุณลุงคะ รับไว้เถอะค่ะ หนูสัญญาว่าจะกลับมาช่วยลุงให้ได้ พอพูดเท่านั้นล่ะ คุณลุงร้องไห้เสียงดังเหมือนเด็กๆ เพราะคุณลุงดีใจ ที่มีคนมาช่วย เราเองก็ตื้นตัน มันจุกที่คอหอย แบบอธิบายไม่ถูก หนูเข้าใจความรู้สึกคุณลุงค่ะ หนูจะทำตามที่หนูรับปากกับลุงให้ได้ หนูสัญญา

#‎ฝากแชร์ไปถึง‬ ผู้รู้ และผู้มีจิตเมตตา ช่วยแนะนำ วิธีช่วยเหลือคุณลุง และภรรยา ให้พ้นทุกข์ ด้วยเถอะค่ะ สงสารคุณลุงเหลือเกิน 

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป สังคมออนไลน์ได้วอนให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือเป็นการด่วน เพราะอยากให้ชีวิตคุณตาดีขึ้นได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิคนไทย 

#เพราะความจนลุงจึงต้องทนเจ็บปวด#ถ้าจะตายผมก็ขอตายพร้อมกัน#แค้นใจจริงๆที่ผมช่วยเมียไม่ได้คุณลุง บุญยัง ดีจำเนียร ชายชรา อายุ 75 ปี อาศัยอยู่กับภรรยา ที่แกเก็บมาเลี้ยงเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยแกตั้งชื่อภรรยาว่าจันทร์ ภรรยา พิการซ้ำซ้อน เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และ เป็นดาวซิมโดรม คุณลุงเล่าว่า พบภรรยา เก็บเศษอาหารกิน และเธอนั่งร้องให้อยู่คนเดียว คุณลุงเลยพามาอยู่ด้วยกัน คุณลุงไม่รู้ว่า เธอเป็นใครมาจากไหน ตัวเธอเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ด้วยความเวทนา คุณลุงจึงดูแลเธอมาตั้งแต่นั้นมา เนื่องจาก ไม่ทราบว่าภรรยา พื้นเพเป็นใคร มาจากไหน #คุณลุงจึงไม่ได้พาภรรยาไปทำบัตรประชาชน และปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ ส่วนตัวของคุณลุงเอง ก็ไม่ได้ไปทำบัตรประชาชน ตั้งแต่บัตรหมดอายุไปตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ทำให้คุณลุง และ ภรรยา ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในการรักษาได้ รวมทั้งไม่ได้รับเบี้ยคนพิการ และ คนชราด้วย ...บางคนอาจคิดว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆหรือ....คำตอบคือ ...ใช่....หลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ เพราะความไม่รู้ และไม่มีคนแนะนำเดิมที คุณลุงมีอาชีพ เก็บของเก่าขาย มีรายได้ วันละ 80-100 บาท พอได้ใช้จ่าย ประทังชีวิตกับภรรยาสองคน แต่เนื่องจากอายุที่มากขึ้น หัวเข่ามีอาการปวด ก้าวขาไม่ค่อยออก จึงไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม คุณลุงมีโรคประจำตัวคือความดันสูง บางครั้งมีอาการปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว แต่คุณลุงไม่ได้ไปหาหมอ เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน และไม่มีเงิน จึงได้ทนทรมานกับโรคภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนอาหาร ที่นำมาประทังชีวิต คุณลุงขอมาจากศาลเจ้า พอได้กินประทังความหิว กับภรรยาบ้านที่คุณลุงอยู่ มีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากฐานะยากจนมาก จึงไม่มีไฟฟ้า และ น้ำประปาใช้ยามค่ำคืน คุณลุง ใช้เทียนจุดเพื่อให้แสงสว่าง เมื่อจะอาบน้ำ ก็ใช้น้ำคลองอาบชำระร่างกาย ส่วนห้องอาบน้ำไม่มี ที่กั้น และห้องน้ำมีเพียงโถนั่ง ที่ไกล้จะพัง บ้านหลังนี้ ปลูกมาหลายสิบปี บนที่คนอื่น ซึ่งตอนนี้ เจ้าของที่ ได้ฟ้องร้องขับไล่ ชาวชุมชนแถวนั้นให้ออกไป ...เหตุการณ์นี้ ทำให้คุณลุง มีความทุกข์ใจ และนอนหลับไม่เคยเต็มตาเลยซักวัน หากโดนไล่ที่จริงๆ จะย้ายไปอยู่ที่ไหนเล่า หรือจะอาศัยนอนที่ศาลเจ้า เพราะไม่มีเงินค่าเช่าให้เขา ความทุกข์ของคุณลุงยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เนื่องจากนางจันทร์ ภรรยาของคุณลุง ที่พิการ แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อหลายปีก่อน เธอป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก อาการหนักมาก นอนทรมานเพราะไม่ได้รับการรักษา ...จนประธานชุมชนสุขสำราญ สงสารและเวทนา จึงพาเธอไปรักษาโดยใช้สิทธิ์ผู้ป่วยฉุกเฉิน และใช้ตำแหน่งเป็นประกัน รักษา ผ่าตัดมดลูกที่ ร.พ ตากสิน ซึ่งตัดก้อนเนื้อออกไปได้ 6 กิโล แม้จะผ่าตัดเนื้องอกออกไปแล้ว แต่ ความโชคร้ายกลับซ้ำเติมเธอหนักเข้าไปอีก เพราะหมอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็ง ปากมดลูก จึงทำเรื่องส่งตัวไปที่ ศิริราชแต่เพราะความจน เงินไม่มี ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์ในการรักษา เธอจึงไม่ได้ไปรักษาอีก จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ลุงบุญยัง แม้จะรักภรรยาแค่ไหน แต่แกไม่รู้จะแก้ปัญหาชีวิตที่รุมเร้ายังไง แกจึงพูดทั้งน้ำตาบอกเราว่า ผมไม่เอาเขาไปรักษา เพราะผมรู้ว่า เมียผมเป็นโรคมะเร็ง รักษายังไงก็คงตายอยู่ดี (เรารู้ว่าสิ่งที่ลุงพูด ลุงพูดเพียงเพื่อประชดชีวิต แต่ใจจริงแล้วลุงอยากหาทางรักษาภรรยามาก)ลุงบอกว่า ผมไม่มีเงินรักษา แม้แต่ค่ารถผมยังไม่มี ผมอายุเยอะแล้ว จะพาเขาไปไหนก็ลำบาก บางทีผมเห็นเขาปวดทรมาน ผมก็ได้แต่กุมมือเขาไว้ กอดเขาไว้ ..มันแค้นใจจริงๆครับ....ที่ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้ ผมสงสารเขา เกิดมาก็พิการ พ่อแม่ก็ไม่มี ยังต้องมาเป็นแบบนี้อีก ...น้ำตาไหล สะอื้นตอนนี้ผมปวดหัวเข่า ปวดท้องมากทุกวัน ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ไม่กล้าไปตรวจ ไม่กล้าไปหาหมอ..ถ้าจะตาย ก็ขอตายด้วยกันทั้งสองคน ผมไม่อยากให้เค้าลำบาก ถ้าไม่มีผม เค้าจะอยู่ยังไง.....ใครจะดูแลเค้า ใครจะหาข้าวหาน้ำให้เค้ากิน...ร้องให้...เราบอกคุณลุงว่า...คุณลุงคะ หนูจะช่วยลุงนะคะ...ลุงสะอื้น ตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น และน้อยเนื้อต่ำใจว่า...มีคนมาหา บอกว่าจะช่วยเป็นสิบคน มาแล้วก็ไป ไม่เคยช่วยผมได้ซักคน...ไม่มีเลย ไม่มี....ร้องให้หนัก...และเดินไปทำใจเรารอจนคุณลุงสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงปรึกษา กับประธานชุมชนว่า จะไปทำบัตรประชาชนใหม่ให้คุณลุง คุณลุงจะได้มีสิทธิ์รักษา และได้เบี้ยคนชรา 700 บาทตามสิทธิ์ ส่วนภรรยาของคุณลุง เราโทรสอบถาม กระทรวงสิทธิ์ฯ ได้รับคำแนะนำให้ หาคนหรือ ญาติพี่น้องมายืนยันตัวตน ภรรยาของคุณลุง และแจ้งเกิดใหม่ นั่นคือทางออก ในการรับสิทธิ์รักษา และได้บัตรประชาชน #ซึ่งจะได้รับเงินเบี้ยคนพิการมาเยียวยาความเดือดร้อนด้วย ... เราโทรไปสอบถามหลายหน่วยงาน...ภาระกิจนี้ ไม่ง่ายเลย ที่จะช่วยคุณลุง และภรรยา ...แต่เราจะพยายามช่วยเหลือคุณลุง และภรรยา ให้ได้รับการรักษา และเยียวยาความเดือดร้อนให้ได้ และให้เร็วที่สุด เพราะเรารู้ว่าคุณลุงบอบช้ำ และทุกข์มามากแล้ว ...#คุณลุงจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนกลับ เราคุกเข่าข้างๆคุณลุง และมอบเงินให้คุณลุง แต่คุณลุง นั่งตัวแข็งไม่ยอมรับ เราจึงบอกคุณลุงว่า คุณลุงคะ รับไว้เถอะค่ะ หนูสัญญาว่า จะกลับมาช่วยลุงให้ได้....พอพูดเท่านั้นล่ะ คุณลุงร้องให้เสียงดังเหมือนเด็กๆ...เพราะคุณลุงดีใจ ที่มีคนมาช่วย...เราเองก็ตื้นตัน มันจุกที่คอหอย แบบอธิบายไม่ถูก หนูเข้าใจความรู้สึกคุณลุงค่ะ...หนูจะทำตามที่หนูรับปากกับลุงให้ได้ หนูสัญญา....

Posted by Phechpanpee Coe on 14 ตุลาคม 2015
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook