คืนดียาก! รปภ.ถูกหวย 30 ล้าน เคืองเมียทำเรื่องบานปลาย จ่อทำพินัยกรรมยกให้ลูก

คืนดียาก! รปภ.ถูกหวย 30 ล้าน เคืองเมียทำเรื่องบานปลาย จ่อทำพินัยกรรมยกให้ลูก

คืนดียาก! รปภ.ถูกหวย 30 ล้าน เคืองเมียทำเรื่องบานปลาย จ่อทำพินัยกรรมยกให้ลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี นางสาวเสาวนีย์ อายุ 28 ปี ชาวอุดรธานี พาลูกชายวัย 8 เดือน ไปยื่นหนังสือขอความเมตตาจากศาลเยาวชน จังหวัดอุดรธานี ขอค่าเลี้ยงดูจาก นายยงยุทธ อายุ 41 ปี สามีที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เป็นเงินรางวัล 30 ล้านบาท เมื่องวดวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา หลังฝ่ายชายตีตัวออกห่างและส่งข้อความมาบอกเลิก

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา นายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ในสภาพซูบหน้าตาซีดเซียว ไม่ร่าเริงเหมือนวันก่อน โดยกล่าวว่า เรื่องที่ภรรยาบอกว่าตนเองไม่มาดูแลภรรยาและลูกนั้น ยอมรับเป็นเรื่องจริง เพราะเคยไปบ้านภรรยาแล้ว ถูกญาติภรรยารุมขอเงินหลังจากทุกคนรู้ว่าตนมีเงิน และยังถูกด่าเสียๆ หายๆ ว่าขอเงินแล้วไม่ให้ ทำให้ต้องกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง ทั้งนี้ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการสร้างบ้านให้เสร็จแล้วจะรับทั้งลูกและภรรยามา อยู่ด้วย

แต่พอเกิดปัญหาภรรยาไปฟ้องศาลทำให้คิดไม่ตก กลายเป็นครอบครัวมีปัญหาเป็นข่าวดังไปทั่ว เมื่อเป็นแบบนี้ถามว่าจะให้ตนกลับไปคืนดีกับภรรยาอีกหรือ ตอนนี้บอกได้เลยว่ายากที่จะเยียวยาหรือกลับไปคืนดีด้วย แต่สำหรับลูกยืนยัน จะส่งเสียให้ทุกๆ เดือน วางแผนไว้ว่าจะให้เดือนละ 10,000 บาท ถ้ามีเหตุจำเป็นก็จะให้มากกว่านั้น

นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า "ตอนนี้ผมเครียดมาก เพราะถูกสังคมตราหน้าว่ามีเงินแล้วทิ้งลูกเมีย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ส่วนเรื่องที่เมียไปฟ้องศาลหากมีหมายศาลมาก็พร้อมไปทันที ตอนนี้ได้ปรึกษาทนายความว่าจะทำอย่างไรเพราะไม่รู้กฎหมาย"

"อีกวันสองวันตนจะทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกทั้งหมด เมื่อลูกชายบรรลุนิติภาวะ จะได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตน แต่หากตนเสียชีวิตก่อนที่ลูกชายจะบรรลุนิติภาวะทรัพย์สมบัติจะให้อำนาจพี่ สาวของตนเป็นคนจัดการมรดก"

ด้าน นางสาวเสาวนีย์ ภรรยานายยงยุทธ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา นเครียดมากเช่นกัน ล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ลูกก็ป่วยตามเพราะติดไข้จากตน ลูกไม่สบายร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ตนก็พลอยอดหลับอดนอนไปด้วย

ตอนนี้ได้แต่รอฝ่ายกฎหมายติดต่อกลับมา โดยนัดหมายกันวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ต้องไปขึ้นศาลอีกครั้ง แต่หากตกลงกันได้เร็วกว่านั้นก็จะได้ไม่ต้องไปศาล ช่วงนี้มีญาติๆ พ่อแม่ พี่สาวมาช่วยปลอบพูดคุยด้วย รู้สึกว่าทุกคนไม่ทอดทิ้งอบอุ่นใจทั้งๆ ที่ไม่สบายก็จะทนสู้เพื่อลูกและสิทธิของตนในฐานะภรรยา ซึ่งเป็นสิทธิที่ควรจะได้รับจากสามีถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส

นางสาวเสาวนีย์ กล่าวต่อว่า ร.ต.ท.อุดมโชค สิงหกุลศิริ ผู้ช่วยทนายความ แนะนำตนและญาติๆ ไปพบ ร.ต.ท.ไพบูลย์ กองคำ พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ตนและนายยงยุทธ เช่าซื้อรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไว้เมื่อปี 2555 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการค้าขายร่วมกัน

ต่อมาวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา นายยงยุทธ มอบรถยนต์คันนี้ให้ตนครอบครองดูแล เพื่อใช้พาลูกชายเดินทางไปหาหมอ แต่ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ยังเป็นชื่อของสามี เกรงว่าสักวันจะถูกทวงคืน ตอนนี้ยังไม่อยากโทรศัพท์ไปหาสามี เพราะกลัวจะทนฟังคำพูดของสามีไม่ได้แล้วจะทำให้เสียใจไปมากกว่านี้

ขณะที่ นายธีระพล โภชนุกูล ทนายความของ นางสาวเสาวนีย์ กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.อุดรธานี รับคำฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 339/2558 มี นางสาวเสาวนีย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยคือ นายยงยุทธ ฐานความผิดละเมิดรับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู

โดยคำฟ้องระบุว่า โจทก์และจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ไม่เคยคบหาชายอื่นในทางชู้สาว จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 โจทก์ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยส่งเสียค่าดูแลบุตรเดือนละ 2,000 บาท บางเดือนโจทก์ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว จนบุตรอายุ 8 เดือน

ต่อมาจำเลยถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาท โจทก์มีความประสงค์ให้จำเลยรับเป็นบุตรชายที่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร เป็นเงิน 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ

ทนายความกล่าวอีกว่า คดีนี้หากจำเลยยินยอมจดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คงตกลงไกล่เกลี่ยคดีความกันได้ แต่หากตกลงกันไม่ได้แล้วโจทก์ชนะคดีความสามารถเอาคำพิพากษาของศาลไปยื่นต่อ ที่ว่าการอำเภอเพื่อรับรองบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอศาลนัดไกล่เกลี่ยกันก่อน หากไกล่เกลี่ยไม่ได้ต้องว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook