จากเหตุตื่นเต้นน่ายินดีกลายเป็นเรื่องน่าอับอาย เมื่อหญิงไต้หวันที่เพิ่งคลอดลูกบนเครื่องบิน ถูกสหรัฐเนรเทศออกนอกประเทศ เนื่องจากสืบสวนแล้วเห็นว่าเธอจงใจคลอดลูกบนเครื่องบินเหนือน่านฟ้าสหรัฐ หวังให้ลูกได้สัญชาติอเมริกัน
(19 ต.ค.) เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานว่า หลังจากที่เกิดเหตุระทึกเครื่องบินของสายการไชน่า แอร์ไลน์ส ที่เดินทางจากกรุงไทเปไปยังลอสแอนเจลิส เมื่อผู้โดยสารหญิงชาวไต้หวันคลอดลูกบนเครื่องบิน ทำให้แอร์โฮสเตสและผู้โดยสารต่างลุ้นระทึกในการทำคลอดฉุกเฉินบนเครื่อง
ล่าสุด ประเด็นนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด เมื่่อผลการสืบสวนพบว่า คุณแม่ไต้หวันรายนี้ได้ขึ้นเครื่องจากไทเปเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในช่วงที่เธอกำลังใกล้คลอด อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีเจตนาจะคลอดเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ อย่างชัดเจน โดยเธอคอยถามแอร์โฮสเตสอยู่ตลอดว่า "ตอนนี้เข้าสู่น่านฟ้าของสหรัฐฯ หรือยัง"
จากเหตุการณ์ดังกล่าว อดีตแอร์โฮสเตสของสายการบินไชน่า แอร์ไลนส์ ได้แสดงความเห็นต่อกรณีนี้บนเฟซบุ๊กว่า หญิงไต้หวันรายนี้ไม่ยอมแจ้งการตั้งครรภ์ของเธอให้กับสายการบินทราบ ซึ่งสิ่งที่ผิดกฎการบินมาก เพราะตามกฎแล้วสายการบินจะไม่อนุญาตให้หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ เดินทางไปบนเครื่องหากไม่มีใบรับรองแพทย์
จากพฤติกรรมของเธอแสดงให้เห็นว่า เธอไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้อื่น ที่ทำให้เครื่องบินทั้งลำจะต้องลงจอดฉุกเฉินเพื่อนำเธอและลูกส่งโรงพยาบาล ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลาไปหมด ลูกเรือก็จะต้องค้างคืนที่อะแลสกาซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากมาย เพียงเพื่อให้ลูกได้สัญชาติอเมริกันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ล่าสุดคุณแม่ไต้หวันรายนี้ได้ถูกทางการสหรัฐฯ เนรเทศออกจากประเทศแล้ว และเมื่อกลับถึงไต้หวันก็เอาเสื้อมาปิดบังใบหน้า ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อ ส่วนลูกของเธอยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาลที่อะแลสกาต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตื่นเต้นทั้งลำ! หญิงท้องแก่น้ำเดินบนเครื่องบิน ทำคลอดกลางอากาศ