รวบโจรลักชุดชั้นในหญิง ตร.เตรียมเช็คดีเอ็นเอเทียบคดีขืนใจหญิงชรา

(3 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ชาติชาย นาถึง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผู้กำกับ สภ.เมืองราชบุรี นางจำนง จันทวงศ์ ปลัดอำเภอเมือง ร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นายแสง ทิมจ้อย ผู้ต้องหาคดี ลักทรัพย์(ชุดชั้นใน) ที่ห้องประชุมสภ.เมือง โดย พล.ต.ต. พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อภิเชษฐ์ ทรัพย์ส่งเสริม สว.สส.สภ.เมือง นำกำลังออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายขโมยชุดชั้นในบ้านบริเวณ ต.คุ้งกระถิน อ.เมือง จ.ราชบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา พบมีทรัพย์สินหายไป ได้แก่ เสื้อชั้นในยี่ห้อต่างๆ จำนวน 12 ตัว กางเกงชั้นในยี่ห้อต่างๆ จำนวน 15 ตัว เสื้อกล้าม 1 ตัว และชุดนอน 1 ชุด

พ.ต.อ.พงษกร เปิดเผยว่า จากการสืบสวนภาพกล้องวงจรปิดของบ้านหลังดังกล่าว มีคนร้ายเป็นชายได้เข้าไปลักชุดชั้นใน โดยนายแสง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเป็นเป้าหมายหนึ่งของเจ้าหน้าที่ ที่ยังคงมีคดีที่ค้างอยู่เรื่องการข่มขืนคนแก่เกิดขึ้นในพื้นที่รอยต่อจังหวัดจังหวัดสมุทรสงคราม ราชบุรีในตำบลคุ้งน้ำวนซึ่งมีชาวบ้านอยู่อาศัยตามร่องสวน ทางตำรวจได้ตรวจสอบ ปรากฏว่าช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา มีคดีเรื่องชุดชั้นในผู้หญิงที่ตากไว้ตามบ้านหายไป ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้กำชับให้สืบสวนลงพื้นที่เชิงลึกและจับกุมให้ได้ โดยผู้เสียหายจากบ้านหลังดังกล่าวได้ติดภาพกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้าน จึงเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบกับรูปพรรณ

ซึ่งแม้จะเป็นกลางคืนจะไม่ชัดมากนัก จึงใช้รูปภาพนี้ไปให้ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวได้ร่วมดู ปรากฏว่าภาพนี้ไปตรงกับบุคคลหนึ่ง ซึ่งเคยก่อเหตุคดีลักทรัพย์ในเขตพื้นที่เมืองราชบุรี เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้ตรวจเก็บดีเอ็นเอไว้แล้วก่อนที่จะมีเหตุการณ์ที่จะไปข่มขืนคนแก่ที่ตำบลคุ้งน้ำวน และได้ตามแม่คนร้ายมายืนยันภาพปรากฏว่าใช่ เป็นบุคคลตามภาพคือลูกชายของตัวเอง ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับในวันรุ่งขึ้น จากเหตุวันที่ 26 ตุลาคม และวันที่ 27 ได้ออกหมายจับ

ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีการซุ่มดูพฤติกรรมอยู่หลายวันว่ามีการติดต่อสื่อสารกับใครบ้าง สุดท้ายก็มีญาติช่วยเหลือเอาข้าวไปให้บริเวณป่าหมู่ที่ 4 ต.คุ้งกระถิน ทางชุดสืบสวนได้สะดกรอยดักซุ่มจนสามารถนำมาสู่การติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศเป็นพฤติกรรมที่อันตราย ที่นำชุดชั้นในผู้หญิงมาสูดดม โดยการแสดงความใคร่อาจจะนำไปสู่การข่มขืนได้ จึงเป็นสิ่งดีที่ชาวบ้านได้ให้ความสำคัญ ถ้าหากผู้เสียหายไม่ยอมมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องชุดชั้นในที่หายไป แต่ถ้าหากตำรวจทราบก็จะได้สืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง

สำหรับประวัติผู้ต้องหาคนดังกล่าวเพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุก และยังมีภรรยาที่มีอายุถึง 50 ปี จัดเป็นกลุ่มอายุเสี่ยงที่ต้องติดตาม ซึ่งยอมรับสารภาพว่าเมื่อต้นเดือนตุลาคม และกลางเดือน ได้นำชุดชั้นในไปสูดดมเพื่อสำเร็จความใคร่วันละ 3 ครั้งทำมาแล้วรวม 3 ครั้ง

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งตรวจดีเอ็นเออีกครั้งหนึ่งเพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่ได้จากคนร้ายที่ไปข่มขืนหญิงชราเพื่อยืนยันผลที่ชัดเจนในคดีอีกครั้ง