สนช.ปิดคดี "สมศักดิ์" รอชี้ขาด ตือ โต้ป.ป.ช.ข้อมูลกำกวม ขออย่าให้ตายคาเวทีการเมือง

สนช.ปิดคดี "สมศักดิ์" รอชี้ขาด ตือ โต้ป.ป.ช.ข้อมูลกำกวม ขออย่าให้ตายคาเวทีการเมือง

สนช.ปิดคดี "สมศักดิ์" รอชี้ขาด ตือ โต้ป.ป.ช.ข้อมูลกำกวม ขออย่าให้ตายคาเวทีการเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดตามข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ จากกรณีสร้างบ้านมูลค่า 16 ล้านบาท ที่ จ.อ่างทอง โดยเป็นขั้นตอนการแถลงปิดคดีด้วยวาจาของนายสมศักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหา ขณะที่ตัวแทน ป.ป.ช.ในฐานะผู้กล่าวหา ได้ขอแถลงปิดสำนวนด้วยเอกสาร

นายสมศักดิ์แถลงว่า ญัตติที่ทาง ป.ป.ช.ได้เสนอต่อ สนช.เพื่อพิจารณาถอดถอนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ เป็นข้อกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ และการที่ ป.ป.ช.ได้แถลงพร้อมเอกสารเป็นสำนวนสรุปคดีชี้มูล หรือข้อกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยข้อเท็จจริงที่ ป.ป.ช.ได้แสดงมาทั้งหมด 164 หน้า ว่าได้ใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ให้ได้ทรัพย์สินคือบ้านที่ 5/5 ซึ่งใน 164 หน้าไม่มีแม้แต่คำเดียวที่พูดถึงการใช้ตำแหน่งหน้าให้ได้ทรัพย์สินดังกล่าวมา

ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลก เพราะในสำนวนต้องมีรายละเอียดว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไรถึงจะสามารถยื่นถอดถอนได้ ทั้งนี้ ได้ยอมรับไปแล้วในคดีปกปิดบัญชีทรัพย์ว่าเป็นการสำคัญผิด ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นกระบวนการ และได้รับโทษไปทั้งหมดแล้ว แต่ ป.ป.ช.ได้นำผลของคดีดังกล่าวมาชี้มูลถอดถอนในกรณีร่ำรวยผิดปกติอีก และยังพูดจากำกวมให้สังคม และสมาชิก สนช.เข้าใจผิดว่าญัตติถอดถอนดังกล่าวเป็นกระบวนการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า คำว่าร่ำรวยผิดปกติ ตามมาตรา 58 หมวด 5 ว่าด้วยการถอดถอน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระบุว่า ผู้ใดมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อราชการให้วุฒิสภาถอดถอนผู้นั้น แต่ ป.ป.ช.กลับได้วินิจฉัยว่าเมื่อครั้งที่เป็นรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ ได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาได้มาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่

ทั้งๆ ที่บ้านที่ 5/5 ได้มีการซื้อที่ ถมที่ดิน ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2541ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศของกรมแผนที่ทหารยืนยัน และสร้างเสร็จภายในเดือนเมษายน 2552 ก่อนที่จะรับดำรงแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในเดือนกรกฎาคมปี 2542 และด้วยความสุจริตใจก็นำใบเสร็จจำนวน 18 งวด ยอดเงิน 1.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าวัสดุต่อเติมเรือนรับรองเพื่อรับชาวบ้านในพื้นที่ แต่ ป.ป.ช.กลับนำหลักฐานดังกล่าวไปเหมารวมว่าเป็นเงินสร้างบ้าน และตีมูลค่าว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท

นี่คือข้อเท็จจริงและความยุติธรรมที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลแก่ผม ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.รู้อยู่แล้วว่าเอาผิดผมไม่ได้ แต่กลับเอื้อมไปเอาเงิน 1.4. ล้านบาท ที่เกิดขึ้นระหว่างดำรงตำแหน่ง รวมกับตัวบ้านที่ทำก่อนรับตำแหน่งมาวินิจฉัยผม จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ยุติธรรม และก็ไม่มีมูล เพราะเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีก็ไม่เคยอนุมัติโครงการใหญ่ๆ แม้แต่โครงการเดียว ซึ่งผู้บริหารกระทรวงในขณะนี้ก็ยืนยันแก่ ป.ป.ช.แล้วว่าไม่เคยมีโครงการใหญ่ๆ เลย แล้วผมจะใช้อำนาจหน้าที่ไปหาผลประโยชน์ได้อย่างไร ซึ่งในเอกสารชี้มูลของ ป.ป.ช.ก็ไม่มีแม้แต่คำเดียวว่าผมทุจริตในขณะที่เป็นรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่า สนช.จะให้ความเป็นธรรมและใช้วิจารณญาณในการลงมติ และจะเป็นความภูมิใจของสมาชิก สนช.เพราะจะเป็นบันทึกของประวัติศาสตร์ทางการเมืองว่าสามารถกำจัดนักการเมืองชั่วให้พ้นจากการเมืองไปตลอดชีวิตแต่ท่านจะภูมิใจยิ่งกว่า หากมติของ สนช.จะให้ความเป็นธรรมที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลด้วยข้อหาเช่นนี้ และให้ความเป็นธรรมแก่ผม ลูก เมีย ครอบครัวได้ หากเมตตาก็ปล่อยผมไป อย่าให้ผมต้องตายคาเวทีทางการเมือง ผมยังรักที่จะรังสรรค์ความงดงามของการเมืองให้ดีขึ้น สุดท้ายก็ต้องขอน้อมรับการลงมติที่จะชี้ชะตากรรมของผมและครอบครัวในวันที่ 13 พฤศจิกายนŽ นายสมศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ นายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อนัดประชุมสมาชิก สนช.ว่า จะมีการลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนในวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น.ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook