สลดเสือแม่ลูกอ่อนห้วยขาแข้งถูกล่า ยังไม่รู้ชะตากรรมลูกน้อย 2 ตัว

สลดเสือแม่ลูกอ่อนห้วยขาแข้งถูกล่า ยังไม่รู้ชะตากรรมลูกน้อย 2 ตัว

สลดเสือแม่ลูกอ่อนห้วยขาแข้งถูกล่า ยังไม่รู้ชะตากรรมลูกน้อย 2 ตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(13 พ.ย.) ที่อาคารศูนย์ปฏิบัติการป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายธัญญา เนติธรรมกุล รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ แถลงข่าวความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมซากเสือโคร่ง 1 ตัวบรรจุอยู่ในกล่องโฟม

นายธัญญา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แม่สอด และทหาร นำกำลังจับกุมนายนิพนธ์ อายุ 41 ปี และนายลือไทย อายุ 55 ปี พร้อมรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กง 1132 กรุงเทพมหานคร พร้อมซากเสือโคร่ง เพศเมียสดๆ น้ำหนัก 79 กิโลกรัม มีอวัยวะครบทุกส่วน 1 ตัว บรรจุอยู่ในกล่องโฟม อัดด้วยน้ำแข็ง และเกลือ

เมื่อนำซากเสือโคร่งมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลภาพถ่าย โดยสังเกตจากลายเสือตามลำตัวพบว่าเสือโคร่งตัวดังกล่าวอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยครั้งแรกสามารถ่ายภาพได้เมื่อปี 2555 และต่อเนื่องจนถึงปี 2558 และพบว่ามีลูกเสืออีก 2 ตัว อายุประมาณ 7-8 เดือน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าลูกเสือทั้งสองตัวยังอยู่ในพื้นที่ป่าห้วยขาแข้งหรือไม่

นายธัญญา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสืบสวนว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายมาจากขบวนการลักลอบฆ่าสัตว์หรือไม่ เพราะผู้ต้องหายังไม่ให้รายละเอียดที่ชัดเจนมากนัก แต่จะเร่งสืบจากเบอร์โทรศัพท์ของผู้ต้องหา เพราะมีการติดต่อกับบุคคลอื่นอีก สำหรับซากเสือนั้นเมื่อคดีสิ้นสุดแล้วจะมีการทำลายตามหลักทางวิชาการ

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ายังมีการล่าเสือโคร่งหลงเหลืออยู่ แต่เพื่อไม่ให้การสูญเสียเกิดขึ้นอีก กรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ทหาร ในการลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้มีความเข้มข้น และลาดตระเวนให้ถี่มากขึ้น

นอกจากนี้ จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนรอบบริเวณป่าให้ช่วยกันดูแลปกป้องทรัพยากรสัตว์ป่า และต่อต้านการค้าสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือโครงซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ปัจจุบันในไทยมีประชากรเสือโคร่งเหลืออยู่ประมาณ 100 กว่าตัว ซึ่งในเฉพาะพื้นที่ป่าห้วยขาแข้งมีประมาณ 70-80 ตัว

นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบลายเสือพบว่า เสือตัวที่ถูกฆ่านั้น เป็นเสือที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง รหัส HKT212 เป็นเสือตัวเมีย อายุ ประมาณ 5-6 ปีก่อนหน้านี้ไม่นานถ่ายรูปพบที่ห้วยขาแข้งพบว่าเป็นเสือแม่ลูกอ่อน โดย HKT212 นี้กำลังเลี้ยงลูกด้วย 2 ตัว แต่ขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม ลูกทั้ง 2 ตัว ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

"เราพบ HKT212 เมื่อราวปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาเลี้ยงลูกเล็กๆอายุประมาณ 7-8 เดือน 2 ตัว ถึงตอนนี้คาดว่าลูกๆ น่าจะอายุประมาณปีเศษ จากข้อมูลพบว่า HKT212 ตัวนี้น่าจะถูกขับออกมาจากฝูง พร้อมลูก จากห้วยขาแข้งออกมาอยู่แถวทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติของเสือ

ลูกเสือที่อายุประมาณ 20 เดือน จะเริ่มหากินได้เองบ้าง แต่ยังต้องมีแม่คอยช่วยเหลือเป็นบางครั้ง การที่แม่เสือถูกล่าเช่นนี้อาจจะทำให้ลูกเสือทั้ง 2 ลำบากบ้าง เรายังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากนี้คงต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร" นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว

นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะเลวร้าย สำหรับคนทำงานด้านนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งทุกคน ต่างตั้งใจ และทุ่มเทกับการทำงานตรงนั้นอย่างเต็มที่ การมาเห็นเสือ 1 ตัว ที่โดนยิงตาย และถูกแล่เนื้อเถือหนัง ออกมาเป็นชิ้นๆ แบบนี้มันสะเทือนใจอย่างยิ่ง ทุกคนที่รู้ทั้งโกรธ และเศร้าใจกับการกระทำครั้งนี้อย่างยิ่ง

"ผมเห็นเนื้อเสือที่เขาแล่ใส่ลังน้ำแข็งแล้วอยากถามว่า กินทำไม เนื้อเสือไม่ใช่สิ่งที่ควรกินเลย เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อไก่มีเยอะแยะ เข้าใจว่า คนล่าคงมีเจตนาเอาหนัง และกระดูกไปใช้ประโยชน์มากกว่า"

อย่าถามเลยว่า มันซื้อขายกันราคาเท่าไหร่ ผมไม่รู้ราคา แต่คิดว่า ราคาคงจะสูงอยู่ มิฉะนั้นคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะเข้าไปทำขนาดนี้ ขอยืนยันว่า การลาดตระเวนเพื่อดูแลป่าของห้วยขาแข้ง ค่อนข้างจะเข้มแข็ง ซึ่งผู้ร้ายคงต้องวางแผนกันนานและอาศัยช่วงที่เจ้าหน้าที่เผลอ

เมื่อถามว่า เวลานี้ ยังมีขบวนการล่าเสือเพื่อเอาไปขายกันอยู่อีกหรือ นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีความต้องการ ขบวนการพวกนี้ก็ยังไม่หมดแน่นอน เพราะเสือเป็นสัตว์ที่ตลาดมืดยังมีความต้องการสูง เพราะยังมีความเชื่อผิดๆ ในเรื่องการเอาไปทำยาโป๊วบำรุงร่างกาย หรือทำเครื่องประดับ หลังจากนี้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นอีก คิดว่า ขบวนการดังกล่าวอาจจะยังมีความพยายามทำเช่นนี้อีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook