สสจ.สุพรรณบุรีสั่งตรวจสอบ! แม่ครรภ์เป็นพิษตายพร้อมลูก

สสจ.สุพรรณบุรีสั่งตรวจสอบ! แม่ครรภ์เป็นพิษตายพร้อมลูก

สสจ.สุพรรณบุรีสั่งตรวจสอบ! แม่ครรภ์เป็นพิษตายพร้อมลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกระแสข่าวในสังคมออนไลน์ หญิงสาวครรภ์เป็นพิษเข้ารักษาโรงพยาบาลใน จ.สุพรรณบุรี และอ้างแพทย์ไม่พร้อมทำคลอด ทำให้เสียชีวิตทั้งแม่-ลูก สาธารณสุขจังหวัด เตรียมสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว

กรณีที่มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุถึงครอบครัวหนึ่ง แม่เสียชีวิตจากอาการครรภ์เป็นพิษพร้อมลูก โดยก่อนหน้านี้นำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สุพรรณบุรี แพทย์ช่วยกันรักษาเป็นการด่วน กระทั่งแพทย์ที่รับฝากท้องพิเศษไว้มาถึงญาติลงความเห็นว่าต้องให้รอดสักคนหนึ่ง และอ้างถึงคำพูดของแพทย์ว่าไม่สามารถผ่าคลอดได้ เนื่องจากห้องผ่าตัดล็อคและไม่มีคนให้ยาสลบ จึงต้องส่ง 2 แม่ลูกไปรักษาต่ออีกโรงพยาบาล แต่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตในที่สุดนั้น

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดศรีจันทร์ภาวนาราม ต.สามชุก อ.สามชุก พบ นายสุริยัน สามีของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ผู้เสียชีวิตและเป็นพ่อของ น้องบี (นามสมมติ) อายุครรภ์ 8 เดือนเศษ โดยเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 12 พ.ย. ภรรยาบ่นว่าแน่นหน้าอกและไอเป็นเลือดจึงรีบพาไปส่งรักษาโรงพยาบาล โดยแพทย์เวรได้นำตัวเข้ารักษายังห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน จนอาการเริ่มดีขึ้น ก่อนให้นอนพักที่ห้องผู้ป่วยรวมเพื่อดูอาการ

แต่ระหว่างนั้นมีอาการกำเริบขึ้นอีกจึงเรียกแพทย์มาดูปรากฏว่าอาการเริ่มทรุด โดยแพทย์บอกว่าภรรยาหายใจเองไม่ได้ ต้องปั๊มหัวใจตลอดเนื่องจากมีอาการครรภ์เป็นพิษ ตนเองได้บอกกับแพทย์ว่าฝากครรภ์พิเศษไว้แล้ว ก่อนจะเรียกญาติมาคุย และขอให้ติดต่อแพทย์ที่ฝากคลอดพิเศษเพื่อผ่าคลอดช่วยเหลือเด็กออกมา เพราะแม่ของเด็กอาการแย่แล้ว แต่ในที่สุดไม่สามารถช่วยเหลือทั้งคู่ไว้ได้ ทำให้สามีและญาติติดใจว่าถ้าไม่พร้อม เหตุใดจึงไม่ส่งโรงพยาบาลใหญ่เพราะคนไข้วิกฤตมาก

ด้าน นพ.ชัยวัฒน์ จัตตุพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ได้มอบหมายให้ นายเอนก อ่ำสกุล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญด้านส่งเสริมและพัฒนา พร้อมทีมงาน เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งหากพบว่าเป็นความบกพร่องของแพทย์ที่ดูแลรักษา จะต้องมีมาตรการลงโทษอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ทางสาธารณสุขจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ และรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน โดยจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook