ชีวิตที่ไม่ท้อ คุณพ่อวัย 57 ทุ่มดูแลลูกสาว นอนป่วยสมองฝ่อ

ชีวิตที่ไม่ท้อ คุณพ่อวัย 57 ทุ่มดูแลลูกสาว นอนป่วยสมองฝ่อ

ชีวิตที่ไม่ท้อ คุณพ่อวัย 57 ทุ่มดูแลลูกสาว นอนป่วยสมองฝ่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องราวของคุณพ่อชาวเชียงใหม่ แม้ตัวเองจะไม่แข็งแรงเหมือนเก่า แต่ก็ยังต้องเป็นเสาหลัก หลังลูกสาวคนเล็ก ป่วยเป็นโรคฝ่อตั้งแต่แบเบาะ ชีวิตจึงต้องทุ่มเทให้กับลูกคนนี้

นายสุรพล เทวตา คุณพ่อ วัย 57 ปี ใช้เวลาหลังเลิกงาน ดูแลและเล่นหยอกล้อกับ น้องลิตเติ้ล ลูกสาววัย 4 ขวบ ที่นอนป่วย ไม่สามารถขยับร่างกายและช่วยเหลือตัวเองได้มานานกว่า 3 ปีครึ่ง แม้ว่าลูกสาวจะกลายเป็นเด็กพิการอย่างไม่คาดฝัน ทำให้ครอบครัวต้องยากลำบาก แต่ น้องลิตเติ้ล ก็กลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ นายสุรพล หายเหนื่อยจากการทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา

นายสุรพล เล่าว่า หลังจากที่คุณแม่คลอด น้องลิตเติ้ล ออกมา พัฒนาการทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่เมื่ออายุได้ 3 เดือน น้องลิตเติ้ลได้ติดไข้จากเพื่อนของพี่สาว จนมีไข้สูงถึง 42 ติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ ระหว่างนั้นตนเองและภรรยาได้ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยพาไปหาหมอในโรงพยาบาลเอกชนจนไข้ลด

แต่ช่วงเวลานั้น กลับไม่มีใครรู้ว่า น้องลิตเติ้ล มีอาการชัก จนทำให้สมองฝ่อ หลังจากอายุ 6 เดือน พัฒนาการของน้องลิตเติ้ลเริ่มช้าลงเรื่อยๆ กระทั่งหยุดลง และไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ ที่เหลืออยู่ก็เพียงลมหายใจแผ่วเบาและเครื่องช่วยหายใจเป็นอุปกรณ์ข้างกาย

ทุกๆ วัน คุณแม่ของน้องลิตเติ้ล จะทำหน้าที่ดูแลลูกสาวในช่วงกลางวัน ทั้งจัดเตรียมนมและอาหารที่ต้องบดละเอียด ป้อนผ่านสายยาง พร้อมกับคอยฟังเสียงการหายใจที่ผิดปกติ เพื่อใช้เครื่องดูดเสมหะดูดออก ป้องกันอุดตันทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังต้องคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว สังเกตอาการผิดปกติ เพราะแม้จะให้กินยาลดอาการชักเกร็ง แต่ น้องลิตเติ้ล ก็ยังอยู่ในภาวะที่จะเกิดอาการชักได้ทุกเวลา

ส่วน นายสุรพล ผู้เป็นพ่อ ต้องรับภาระหนักอึ้งไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะต้องตื่นแต่เช้ามืด มาคอยดูแล น้องลิตเติ้ล ก่อนจะรีบออกจากบ้าน ข้ามจังหวัดไปทำงานที่โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ จังหวัดลำพูน กว่าจะเลิกงานและเดินทางถึงบ้านก็ประมาณ 2 ทุ่ม

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะช่วยภรรยาอุ้มลูกสาวอาบน้ำ และใช้เวลาที่เหลืออยู่ดูแลลูกอย่างเต็มที่ นายสุรพล บอกว่าแม้จะเหนื่อยยากลำบากและรู้ดีว่าอาการของลูกสาวจะไม่มีวันหาย แต่เขาก็ยังมีความหวังในปาฏิหาริย์ แต่หากโชคชะตาไม่เข้าข้าง เขาก็พร้อมที่จะดูแลลูกสาวคนนี้ไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย

แม่ของน้องลิตเติ้ล บอกว่า สามีมีโรคความดันเป็นโรคประจำตัว มีอาการวูบบ่อยครั้ง แต่ก็ต้องทำงานหนักตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อหารายได้มาดูแลน้องลิตเติ้ลและน้องแองจี้ พี่สาวของน้องลิตเติ้ลที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ขณะเดียวกันก็ยังติดหนี้ค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลอีกกว่า 20,000 บาท

ขณะที่รายได้เกือบทั้งหมดที่หามาได้ในแต่ละเดือน จะถูกใช้เป็นค่านม อาหารเสริม ค่าเติมออกซิเจน และ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์สำหรับน้องลิตเติ้ล โดยเฉพาะผ้าอ้อมสำเร็จรูปถึง 12 กล่อง

แม่น้องลิตเติ้ล ยังบอกว่า ทุกวันนี้โชคดีที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทธไธสวรรย์ สาขาเชียงใหม่ แวะเวียนมาให้การช่วยเหลือ ทั้งช่วยนำถังออกซิเจนไปเติมที่โรงพยาบาล และสนับสนุนข้าวสารอาหารแห้งตามความเหมาะสม แต่หากมีผู้ใจบุญชวยสนับสนุนรถเข็นและเปลนอนสำหรับอาบน้ำ ก็จะช่วยแบ่งเบาครอบครัวได้ เพราะทุกวันนี้ตนเองที่ดูแลลูกเพียงลำพังในช่วงกลางวันไม่สามารถอาบน้ำให้ลูกได้ ต้องรอให้สามีกลับมาจากที่ทำงานเพื่อช่วยอุ้มอาบน้ำเป็นประจำทุกวัน

สำหรับอาการของน้องลิตเติ้ล คุณแม่บอกว่าต้องการพาไปรักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทางแต่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องตัดใจเลือกที่จะดูแลลูกสาวแบบนี้ไปแบบวันต่อวัน พร้อมยืนยันว่าครอบครัวจะอยู่เคียงคู่ลูกสาวไปจนวันสุดท้าย

ทั้งนี้ ผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวของน้องลิตเติ้ล สามารถร่วมบริจาคเข้าบัญชี "นางสุกัญญา เทวตา เพื่อ ด.ญ.สุจินตนา เทวตา" ธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกสนามบินเชียงใหม่ เลขบัญชี 414-2-37701-8

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook