สะเทือนใจ 3 ลูกสาวโผกอด พ่อเลี้ยงเดี่ยวต้องติดคุก
ชาวบ้านส่งกำลังใจ พ่อม่ายลูก 3 ถูกจับติดคุก หลังเก็บปาล์มที่หมดสัมปทนา อ้าง จนท.เลือกปฏิบัติ อบต.ช่วยประกันตัว กลายเป็นภาพเวทนา ลูกโผกอดพ่อ
เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยัง สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อให้กำลังใจแก่ นายอภิชาต ประทุมตัง อายุ 40 ปี ชาวสวนปาล์มในพื้นที่ หลังถูกเจ้าหน้าที่ป้าไม้จับกุม ระหว่างเก็บผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่หมดสัมปทาน ยึดของกลางปาล์มทะลาย 100 กิโลกรัม ราคาราวๆ 450 บาท
สำหรับสาเหตุที่ชาวบ้านมารวมตัวกันครั้งนี้ เนื่องจากไม่พอใจ อ้างว่าเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ จับกุมแต่คนยากคนจน ส่วน นายอภิชาต ก็ยังมีภาระเลี้ยงลูกสาว 3 คนเพียงลำพังด้วย เพราะไม่มีภรรยาและประกอบอาชีพสวนปาล์มหาเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ
ต่อมา นายอวยพร มีเพียร นายก อบต.รับร่อ และ นายวิรัน ชูกลาง ส.อบจ.อำเภอท่าแซะ ได้เดินทางมาติดต่อขอประกันตัว หลังทราบกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุมัติให้ประกันตัว ด้วยวงเงิน 100,000 บาท ซึ่งหลังจากที่ นายอภิชาต ได้ออกจากคุก ลูกสาวทั้ง 3 คน เข้าโผกอดและร้องไห้กับผู้เป็นพ่อ เป็นภาพน่าเวทนาแก่ผู้ที่พบเห็น ขณะที่ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.ท่าแซะ ได้มอบเงินจำนวน 2,000 บาท ให้กับลูกๆ ของนายอภิชาต ไว้เป็นทุนการศึกษา
นายอภิชาต กล่าวว่า ตนหาเช้ากินค่ำ เลี้ยงลูกสาว 3 คน คนโตเรียนอยู่ชั้น ม.1 ส่วนคนรองและคนสุดท้อง ยังเรียนอยู่ชั้นประถม ตนถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุม ขณะเข้าไปเก็บของป่าเป็นผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่หมดสัมปทาน เนื่องจากที่ผ่านมาตนเห็นมีคนหลายกลุ่มทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบางคนและนายทุนบางคนจ้างแรงงานชาวเมียนมาเข้าไปเก็บ แต่ไม่ถูกจับกุม ตนจึงเข้าไปเก็บบ้าง เพื่อนำไปขายเป็นรายได้เลี้ยงลูกๆ
ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน เห็นพ้องต้องกันว่า การจับกุมของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ยุติธรรม เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน เพราะที่ผ่านมามีกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งผู้มีอิทธิพล นายทุน หรือเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปมีผลประโยชน์ในการเก็บผลปาล์มในพื้นที่ดังกล่าว แต่กลับมาจับกุมชาวบ้านยากจน ใช้ข้อกฎหมายปฏิบัติกับคนเฉพาะกลุ่ม
นายอำพร ขาวศิริ เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าหน่วยนาสัก ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า กรณีนี้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ขณะออกตรวจลาดตระเวน พบเจอผู้ต้องหา 3 คน แต่สามารถวิ่งหนีไปได้ 2 คน ติดตามจับกุมได้คนเดียวคือ นายอภิชาต จึงได้ดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ป่าฯ ยังยืนยันว่า ไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด ที่ผ่านมาดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ได้ผู้ต้องหาหลายคน เท่าที่รู้การเข้าไปเก็บปาล์มในพื้นที่หมดสัมปทานมีการทำกันเป็นกระบวนการ เมื่อถูกจับกุมก็จะใช้คำว่ายากจนเป็นข้ออ้าง เพราะไม่ว่าคนจนหรือคนรวยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย จะใช้ความว่ายากจนมาอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่เขตสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมันดังกล่าว เกิดเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง มีพื้นที่จำนวน 19,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย แต่ได้หมดอายุสัมปทานไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 58 อยู่ระหว่างยื่นขอต่อสัญญาสัมปทาน มีความขัดแย้งจากคนหลายกลุ่มที่เข้าไปแย่งชิงเก็บผลประโยชน์กันมาอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นเคยใช้กำลังข่มขู่และทำร้ายกันมาแล้ว