DSI ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ติดกับที่ดิน “ภูริ” ดาราดัง

DSI ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ติดกับที่ดิน “ภูริ” ดาราดัง

DSI ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ติดกับที่ดิน “ภูริ” ดาราดัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินบนเกาะนาคาน้อย จังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นคาดว่าออกโดยมิชอบ โดยใช้ สค.1 สวมสิทธิ์ โดยออกติดที่ดิน ภูริ ดาราชื่อดัง ซึ่งร่วมกับชาวบ้านร้องเรียนให้ดีเอสไอตรวจสอบ

พ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ของคนตระกูลดัง ใน ต.ป่าคลอก เนื้อที่ 24 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา

ซึ่งออกติดที่ดินของ นายภูริ หิรัญพฤกษ์ ดาราชื่อดัง ที่ได้ร่วมร้องเรียนกับประชาชนในพื้นที่มีว่ามีการออก น.ส.3 ในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อปี 2557 ที่ออกทับภูเขาที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ยังไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ และเป็นที่สาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และเป็นแหล่งที่อยู่ของนกเงือก ซึ่งเป็นเกาะที่ นายภูริ ขอสัมปทานฟาร์มไข่รอบน่านน้ำรอบเกาะไว้ 200 ม.

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า สค.1 ที่นำมาออกน่าจะมาจากพื้นที่เกาะนาคาใหญ่ เนื้อที่เดิมระบุ 7 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา แต่มาปลอมแปลงและแก้ไขเนื้อที่ สภาพภูมิประเทศ รวมถึงบุคคลที่มีที่ดินข้างเคียง และจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศปี 2510 จนถึงปัจจุบัน ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์เต็มพื้นที่ตามเอกสารขอออกเอกสารสิทธิ์ว่ามีการทำประโยชน์เป็นสวนยางพารา สวนมะพร้าวและสวนไม้ผลอื่นๆ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังพบว่าน่าจะไม่มีการรังวัดจริง เพราะประชาชนในพื้นที่ไม่มีใครทราบ หากทราบจะคัดค้านทันที นอกจากนี้ยังพบพิรุธว่ามีการออก นส.3 วันที่ 30 ก.ค. ปี 2557 โดยรับไปในวันนั้นและขายให้บริษัทเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งวันเดียวกันในราคา 42,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่ที่ดินลงนามอนุมัติวันที่ 31 ก.ค.

พ.ต.ท.ประวุฒิ เปิดเผยว่า ตรวจสอบพบพื้นที่ยังเป็นป่าสมบูรณ์ นอกจากนี้เอกสารยังพบข้อพิรุธหลายประการ เชื่อว่าเอกสารสิทธิ์น่าจะออกโดยมิชอบ มีการนำ สค.1 บิน และ มาบวมหรือสวมสิทธิ์ในพื้นที่เพื่อขายให้บริษัทดัง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงสรุปร่วมกันว่ามีมูลเชื่อได้ว่าออก น.ส.3 ก โดยมิชอบทับพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐ อันเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และเอกชนที่ครอบครองที่ดินมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งจะเสนอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้ทันที

นายภูริ ยืนยันว่า ประชาชนในพื้นที่รู้จักครอบครัวตนเองและไม่มีใครเข้ามาบนเกาะ หากไม่ได้รับอนุญาต เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรอบเกาะ และทางครอบครัวได้ขอสัมปทานทำฟาร์มไข่มุกในน่านน้ำรอบเกาะ 200 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามารังวัดและออกเอกสารสิทธิ์เพิ่มบนเกาะนี้

และประชาชนในพื้นที่ก็ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่สาธารณะ ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งหลังจากที่มีคนมาติดต่อขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้ตนเองเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าต้องออกโดยมิชอบแน่นอน จึงไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดภูเก็ต แต่เรื่องไม่คืบหน้าจึงเข้าร้องเรียนต่อดีเอสไอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook