ดีเอ็นเอชัดแล้ว "แม่ปลอม" ยังไม่ยอมรับ ลักทารกจากรพ.
ภาพนางอนงค์ นายโชคชัย และ น้องมิ่งเกต
จากกรณี นางอนงค์ วาทิคุณ และนายโชคชัย บุญวิเศษ สามีภรรยาแจ้งความว่า ลูกสาวซึ่งเพิ่งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้ถูกลักพาตัวหายไป ซึ่งต่อมาพบหญิงต้องสงสัยคือ น.ส.รจนา อายุ 30 ปี นำทารกมาแจ้งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนบุรี อ้างว่าคลอดลูกที่บ้าน แต่ทารกกลับมีการถูกตัดสายสะดือและเย็บอย่างเรียบร้อยเหมือนถูกทำที่โรงพยาบาล นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดของเด็กก็ไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัย แต่ตรงกับพ่อแม่ที่แจ้งลูกหาย
ความคืบหน้า (25 ธ.ค.) นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นพ.เกรียงไกร โกวิทางกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีลักเด็กในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จ.นครราชสีมา สรุปว่า ดีเอ็นเอของ นางอนงค์ วาทิคุณ และนายโชคชัย บุญวิเศษ ตรงกับของเด็กทารกแรกเกิดที่อยู่กับ น.ส.รจนา ผู้ต้องสงสัยลักเด็ก จึงได้มอบเด็กคืนให้กับทั้งสองคน
นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ.ร้อยเอ็ด เดินทางเข้าเยี่ยมนางอนงค์ วาธิคุณ แสดงความยินดีที่ได้ลูกสาวคืน พร้อมกับตั้งชื่อเด็กหญิง "มิ่งเกต" และชื่อเล่น "เกต" ให้เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากทางจังหวัดร้อยเอ็ดเพิ่งจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเยี่ยมราษฎรร้อยเอ็ด ครบรอบ 60 ปี เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแต่เดิมจังหวัดร้อยเอ็ด มีชื่อว่า เมืองสาเกตนคร
ด้าน น.ส.รจนา อายุ 30 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีลักเด็กยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด หลังกลับจากตรวจดีเอ็นเอ แล้วแจ้งว่าตกเลือดเนื่องจากการตั้งครรภ์ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบการตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาน่าจะเป็นประจำเดือน หรือ กินยาขับเลือด โดยแพทย์จะให้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ (26 ธ.ค.)
พ.ต.ท.สมัย มงคลชู พงส.ผนก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ได้ข้อสรุปจากสูตินารีแพทย์ ของรพ.ร้อยเอ็ด และโรงพยาบาลเอกชน ตรวจพิสูจน์แล้วว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ได้มีการตั้งท้อง จนคลอดลูกตามที่อ้างแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้ขออนุมัติจากศาลจังหวัดร้อยเอ็ดออกหมายจับ นางสาวรจนา อายุ 30 ปี มาดำเนินคดี ในข้อหาพรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควร
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปนำหมายจับไปให้ผู้ต้องหาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมสอบสวนผู้ต้องหาที่ห้องพิเศษ 2/4 ชั้น 5 ตึกเบญจศิริ ต่อหน้าทนายความทั้ง 2 ฝ่าย และสามีผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธการเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ขอให้ถ้อยคำใดๆ โดยอ้างว่าสุขภาพไม่พร้อม และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การเมื่อมีความพร้อมหรือให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ด้านนายนเรศ อายุ 29 ปี สามีของผู้ต้องหา กล่าวว่า เหตุที่ตนไม่ยอมให้ภรรยาเซ็นเอกสาร เนื่องจากตนไม่ยอมรับผลการตรวจดีเอ็นเอที่เดินทางไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จ.นครราชสีมา เนื่องจากตนเชื่อว่ามีการพยายามทำการเปลี่ยนแปลงผลการตรวจดีเอ็นเอของตนทั้ง 2 คน ให้ไม่ตรงกับเด็ก ดังนั้นไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ก็จะไม่ยอมรับผลการตรวจจากนครราชสีมา และแจ้งให้ทนายความทำคำร้องถึงพนักงานสอบสวนและโรงพยาบาล ขอให้มีการทำการตรวจดีเอ็นเอของตนและเด็กอีกครั้ง โดยขอไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งจึงจะยอมรับ ซึ่งการเดินทางและค่าใช้จ่ายจะออกเองทั้งหมด
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Supap Puttapunyo