ดีเอ็นเอชัดแล้ว "แม่ปลอม" ยังไม่ยอมรับ ลักทารกจากรพ.

ดีเอ็นเอชัดแล้ว "แม่ปลอม" ยังไม่ยอมรับ ลักทารกจากรพ.

ดีเอ็นเอชัดแล้ว "แม่ปลอม" ยังไม่ยอมรับ ลักทารกจากรพ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพนางอนงค์ นายโชคชัย และ น้องมิ่งเกต 

จากกรณี นางอนงค์ วาทิคุณ และนายโชคชัย บุญวิเศษ สามีภรรยาแจ้งความว่า ลูกสาวซึ่งเพิ่งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้ถูกลักพาตัวหายไป ซึ่งต่อมาพบหญิงต้องสงสัยคือ น.ส.รจนา อายุ 30 ปี นำทารกมาแจ้งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนบุรี อ้างว่าคลอดลูกที่บ้าน แต่ทารกกลับมีการถูกตัดสายสะดือและเย็บอย่างเรียบร้อยเหมือนถูกทำที่โรงพยาบาล นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดของเด็กก็ไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัย แต่ตรงกับพ่อแม่ที่แจ้งลูกหาย

ความคืบหน้า (25 ธ.ค.) นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นพ.เกรียงไกร โกวิทางกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีลักเด็กในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จ.นครราชสีมา สรุปว่า ดีเอ็นเอของ นางอนงค์ วาทิคุณ และนายโชคชัย บุญวิเศษ ตรงกับของเด็กทารกแรกเกิดที่อยู่กับ น.ส.รจนา ผู้ต้องสงสัยลักเด็ก จึงได้มอบเด็กคืนให้กับทั้งสองคน

นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ.ร้อยเอ็ด เดินทางเข้าเยี่ยมนางอนงค์ วาธิคุณ แสดงความยินดีที่ได้ลูกสาวคืน พร้อมกับตั้งชื่อเด็กหญิง "มิ่งเกต" และชื่อเล่น "เกต" ให้เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากทางจังหวัดร้อยเอ็ดเพิ่งจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเยี่ยมราษฎรร้อยเอ็ด ครบรอบ 60 ปี เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแต่เดิมจังหวัดร้อยเอ็ด มีชื่อว่า เมืองสาเกตนคร

ด้าน น.ส.รจนา อายุ 30 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีลักเด็กยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด หลังกลับจากตรวจดีเอ็นเอ แล้วแจ้งว่าตกเลือดเนื่องจากการตั้งครรภ์ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบการตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาน่าจะเป็นประจำเดือน หรือ กินยาขับเลือด โดยแพทย์จะให้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ (26 ธ.ค.)

พ.ต.ท.สมัย มงคลชู พงส.ผนก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ได้ข้อสรุปจากสูตินารีแพทย์ ของรพ.ร้อยเอ็ด และโรงพยาบาลเอกชน ตรวจพิสูจน์แล้วว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ได้มีการตั้งท้อง จนคลอดลูกตามที่อ้างแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้ขออนุมัติจากศาลจังหวัดร้อยเอ็ดออกหมายจับ นางสาวรจนา อายุ 30 ปี มาดำเนินคดี ในข้อหาพรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควร

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปนำหมายจับไปให้ผู้ต้องหาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมสอบสวนผู้ต้องหาที่ห้องพิเศษ 2/4 ชั้น 5 ตึกเบญจศิริ ต่อหน้าทนายความทั้ง 2 ฝ่าย และสามีผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธการเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ขอให้ถ้อยคำใดๆ โดยอ้างว่าสุขภาพไม่พร้อม และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การเมื่อมีความพร้อมหรือให้การในชั้นศาลเท่านั้น

ด้านนายนเรศ อายุ 29 ปี สามีของผู้ต้องหา กล่าวว่า เหตุที่ตนไม่ยอมให้ภรรยาเซ็นเอกสาร เนื่องจากตนไม่ยอมรับผลการตรวจดีเอ็นเอที่เดินทางไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จ.นครราชสีมา เนื่องจากตนเชื่อว่ามีการพยายามทำการเปลี่ยนแปลงผลการตรวจดีเอ็นเอของตนทั้ง 2 คน ให้ไม่ตรงกับเด็ก ดังนั้นไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ก็จะไม่ยอมรับผลการตรวจจากนครราชสีมา และแจ้งให้ทนายความทำคำร้องถึงพนักงานสอบสวนและโรงพยาบาล ขอให้มีการทำการตรวจดีเอ็นเอของตนและเด็กอีกครั้ง โดยขอไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งจึงจะยอมรับ ซึ่งการเดินทางและค่าใช้จ่ายจะออกเองทั้งหมด

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Supap Puttapunyo

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook