ศาลฎีกา สั่ง จำคุก 1,000 ปี อดีตผช.กก.ผจก.ใหญ่ ยักยอกทรัพย์บีบีซี ชดใช้ 1.8 พันล้าน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 ธันวาคม ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดียักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี หมายเลขดำ 10764/2542 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจ และทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกก.ผจก.ใหญ่บีบีซี และ นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผช.กก.ผจก.ใหญ่บีบีซี. เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ. .หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
จากกรณี เมื่อปี 2538 จำเลยกับพวก ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ อนุมัติวงเงินสินเชื่อผ่านระบบคอมพิวเตอร์กับบุคคล และนิติบุคคลต่าง ๆ ในวงเงินเกิน 30 ล้านบาท โดยไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการบริหาร หรือคณะกรรมการบอร์ด บีบีซี ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย
คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง เนื่องจากหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้เบียดบังทรัพย์สินของบีบีซีไปเป็นของตนโดยทุจริตและยังไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองสร้างความเสียหายให้กับโจทก์ร่วมแต่อย่างใด อัยการโจทก์ ยื่นฎีกาขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดแล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยที่1 ตาย คดีอาญาระงับ ทั้งนี้พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์สินของบีบีซีไปโดยทุจริตด้วยการใช้บัตรอนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทที่มาขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่น่าเชื่อถือ ที่ศาลทั้งสองพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ลงโทษจำคุก จำเลย 204 กระทง ฯละ 5 ปี รวมจำคุก 1,020 ปี แต่ตามกฎหมาย คงให้ลงโทษจำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี คงให้จำคุกนายเอกชัย จำเลยที่ 2 ไว้ 20 ปี และให้จำเลยชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทน จำนวน1,854,201,794.75บาท แก่บีบีซี ผู้เสียหายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายเอกชัย ซึ่งสวมชุดนักโทษ มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาฟังคำพิพากษา เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ศาลได้พิพากษาให้จำคุกนายเอกชัยไว้ เนื่องจากร่วมกับนายเกริกเกียรติยักยอกทรัพย์ บีบีซี.ไว้หลายคดี