กทม.ซัดกลับ “วิลาศ” ไฟ 39 ล้านใช้งบปี 59 ไม่ได้ฉกใคร
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเรื่องงบประมาณกรณีไฟประดับมูลค่า 39 ล้านบาท โดยระบุว่าเป็นงบที่ถูกต้อง ไม่ได้ไปฉกเงินของใครมา
(4 ม.ค.) นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองโฆษกของกรุงเทพมหานคร ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจง กรณีชี้แจงไฟประดับมูลค่า 39 ล้านบาท โดยกล่าวว่า "ในส่วนของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนของการจัดงาน กรุงเทพ แสงสีแห่งความสุข ประดับไฟซึ่งเป็นเงินมูลค่า 39 ล้านบาท ตรงนี้ทาง คุณวิลาศ เองได้หยิบยกประเด็นที่โลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมืองจำนวน 5,000,000 ดวง ซึ่งติดตั้งในระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.58 - 31 ม.ค. 59"
"จากการตรวจสอบที่ทาง คุณวิลาส ได้ทำการแถลงวานนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตกับทางกรุงเทพมหานครว่า มีการฮั้วประมูลกันหรือไม่ รวมไปถึงผู้รับเหมาเองนั้นเปิดซองประมูลไปในวันที่ 17 ธ.ค. โดยที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทีเลย ยังไม่ได้ทำสัญญา และต้องมีการประกาศผู้ที่รับการประมูลในวันที่ 22 ธ.ค. แต่ทำไมถึงเข้ามาทำงานได้ก่อน ซึ่งตรงนี้ทาง ท่าน รองอมร กิจเชวงกุล ได้แถลงการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 58 โดยระบุว่า ไม่เป็นไร ไหนๆ บริษัทนี้ก็ได้งานอยู่แล้ว อันนี้เป็นทางที่คุณวิลาสเป็นคนพูด ส่วนข้อสังเกตอีกเรื่องหนึ่งที่คุณวิลาศตั้งไว้คือ ถ้าเกิดไม่มีการติดต่อกันไว้ก่อน หรือฮั้วกันไว้ก่อน ไฟ 5,000,000 ดวง ไม่น่าจะหามาได้ทันเวลา"
ทางด้าน นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวว่า "เรื่องนี้เราต้องช่วยตรวจสอบกันให้ดี เพราะการส่งความสุขให้ประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงเรื่องการใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครในทุกหมวดหมู่ก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องชี้แจงก่อนว่า เงิน 39 ล้านบาทนี้ ไม่ได้มาจากงบฉุกเฉิน หรืองบอะไร เป็นงบที่อยู่ในข้อบัญญัติงบประมาณในปี 2559 ที่เราเรียกว่าเป็นเงินงบกลาง หรือเงินสำรองจ่ายทั่วไป ซึ่งผู้ว่าการกรุงเทพมหานครได้รับอนุมัติไว้จำนวน 300 ล้านบาท"
"โดยท่านผู้ว่าราชการได้ใช้รายจ่ายตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ซึ่งมีไปถึงประชาชนโดยตรงตามงบกลางในการจัดให้มีแสงสีให้ประชาชนมีความสุขในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นการจ้าง ไม่ได้เป็นการซื้ออุปกรณ์ การจ้างให้เอกชนเข้ามาดำเนินการด้วยวิธีอีออกชันตลอดระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งเราคาดการกันว่าจะมีผู้เข้าชมกันประมาณ 400,000 คน เฉลี่ยคนละ 100 บาท เงินร้อยบาทจะทำให้เกิดภาคเศรษฐกิจขยายตัวที่นี่ เกิดการซื้อขายต่างๆ ตามถนนคนเดินตามที่เราเห็นอยู่ตลอดที่ผ่านมา 5 วัน รวมทั้งการที่ประชาชนได้ถ่ายภาพสวยๆ และสนับสนุนการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ"
"เราอยากให้มีการสนับสนุนการท่องเที่ยว ฟื้นตัวการท่องเที่ยวกลับมา ซึ่งเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ทำให้ท่านผู้ว่าหนักใจ ทำอย่างไรให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยนั้นได้รับรางวัลเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอีก เราเคยได้รับรางวัลมามากมาย ซึ่งปีนี้ท่านผู้ว่าตัดสินใจว่า วิธีการส่งมอบความสุข และให้ประชาชนช่วยกันถ่ายภาพและอัพโหลดไปยังโซเชียลมีเดียร์ ซึ่งทั้งโลกจะได้เห็นภาพความสวยงามของกรุงเทพมหานครแห่งสีสัน เพื่อการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นวันนี้ขออนุญาตบอกว่า 5 วันที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมงานทั้งหมดที่เป็นตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 1 ล้านคน ถ้า 1 ล้านคน ต้นทุนในการจัดส่งคืนความสุขให้ประชาชนประมาณท่านละ 39 บาท"
"ยังเหลือเวลาจัดงานอีก 27 วัน จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 59 ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีประชาชนมาได้มากเท่าไหร่ แต่ถามว่า 1 ล้านคนเป็นประชาชนดูครั้งเดียวหรือไม่ จากการสอบถามพบว่าไม่ใช่ ครั้งแรกอาจจะมาดูเองตามคำเชิญของสื่อ ตามคำเชิญของ สตง. มาช่วยตรวจสอบว่ามีความสวยงามถูกต้องจริงหรือเปล่า ปรากฏว่าในครั้งที่ 2-3 พาเพื่อน พาครอบครัวมาดู ขออนุญาตขอบคุณทางสื่อที่ช่วยกันแถลงข่าวช่วยกันชี้แจง ชวนให้ประชาชนอยากที่จะมาเห็น"
"แล้ววันนี้ก็ยังมีหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดขอเข้ามาชมงาน ซึ่งเราก็พยายามจะจัดสรรค์ เนื่องจากการจัดงานเป็นช่วงกลางคืน เพราะฉะนั้นการเดินทางของภาคประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดอาจจะลำบากนิดนึง เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันว่ากรุงเทพมหานครใช้งบประมาณในข้อบัญญัติงบประมาณปี 2559 ท่านผู้ว่าฯ ไม่ได้ไปฉกเงินของใครมา หรือว่าฉกเงินของกองกลาง ของส่วนที่อื่นมาใช้ในการนี้ เป็นเงินที่อยู่ในข้อบัญญัติตามงบประมาณนี้"
"ในเรื่องรายได้ ที่บันทึกเฉพาะพ่อค้าแม่ขายจากแบงค็อกแบรนด์ ที่เราจัดมา 10 ร้าน ทุกคืน 5 คืน และจากที่เขตพระนครจัด พ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณริมถนน หรือกลางถนนคนเดินวันนี้รวมแล้ว 5 วัน ประมาณ 5,500,000 บาท จนถึงสิ้นเดือนเฉพาะรายได้ที่กระจายสู่ประชาชนส่วนนี้ก็คงเกินงบประมาณที่กรุงเทพมหานครลงทุน"
"ส่วนการอัพโหลดภาพ มั่นใจว่าตอนนี้มีภาพที่อัพโหลดสู่โซเชียลมีเดียร์มากกว่า 1,000,000 ภาพ เพราะฉะนั้นการดำเนินโครงการนี้ การดำเนินการขั้นตอนตามระเบียบราชการนั้น ยืนยันว่าเราใช้งบที่ถูกต้อง"