2 สาวซิ่งเก๋งหลบหนีด่าน พบเงินสด-ทองอื้อ ให้การขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกษไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง รับแจ้งจากด่านตรวจบริเวณสี่แยกไฟแดง หมู่ที่ 3 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ว่ามีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-2177 พระนครศรีอยุธยา ขับรถหลบหนีด่านตรวจ
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถเก๋งคันดังกล่าวเสียหลักหลุดโค้งตกลงไปในคลองชลประทานในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.จรเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ที่น้ำแห้ง อยู่ลึกลงไปจากถนนประมาณ 3 เมตร โดยสภาพรถนั้นพังยับเยิน
ในที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นางกาญจนา อายุ 34 ปี นั่งมาข้างคนขับ บาดเจ็บมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และปวดที่บริเวณหลัง และ น.ส.อริสา อายุ 26 ปี คนขับ มีบาดแผลที่บริเวณขาและหัวเข่า
เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการปฐมพยาบาลให้ก่อนนำตัวส่ง รพ.ไชโย จากการตรวจค้นเบื้องต้นภายในรถ และในกระเป๋าของ น.ส.อริสา และนางกาญจนา พบภายในมีเงินสดอยู่เป็นจำนวนมากหลายหมื่นบาท และมีทองรูปพรรณอยู่ในกระเป๋าอีกหลายเส้น บางเส้นมีพระเลี่ยมทองอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีสร้อยข้อมือทองคำด้วย ซึ่งรวมน้ำหนักทองทั้งหมดคาดว่าน่าจะหนักหลายสิบบาท
จากการสอบสวนนางกาญจนา ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วย น.ส.อริสา ได้เดินทางมาจาก จ.สระบุรี มุ่งหน้าไป อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เพื่อไปหาลูกสาว แต่กลับมาเกิดเหตุเสียก่อน
ด้าน น.ส.อริสา อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยพี่สาวคือนางกาญจนา ได้เดินทางออกจาก จ.ลพบุรี จะไป อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เพื่อไปหาลูกสาวของนางกาญจนา เมื่อขับรถมาถึงใกล้ถึงแยกไฟแดงไชโย เห็นตำรวจตั้งด่านอยู่ ตนตกใจจึงได้เลี้ยวรถกลับเพื่อหลบหนี จนมาเสียหลักตกลงไปในคลอง ส่วนเงินสดและทองรูปพรรณที่ค้นเจอในกระเป๋านั้นเป็นของตนเอง ซึ่งตนจะพกเงินและทองไปแบบนี้อยู่เป็นประจำ
ต่อมา ร.ต.ท.นิเวศ อยู่แย้ม ร้อยเวร สภ.เกษไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้เดินทางไปยัง รพ.ไชโย เพื่อสอบปากคำและตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สิน เนื่องจากได้รับแจ้งจากทางจังหวัดลพบุรีว่าเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ของบ้านนายทหารคนหนึ่ง โดยได้ขโมยทองคำออกมาเป็นจำนวนมาก
โดยระหว่างที่กำลังจะเดินทางเข้าสอบปากคำ ได้สังเกตเห็นว่ามีชายรูปร่างผอมสูง ผิวขาว และผู้หญิงรูปร่างอ้วน เตี้ย ผิวขาว ผมยาว สีทอง ได้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินอย่างเร่งรีบ โดยในมือนั้นถือกระเป๋า และรีบเดินไปขึ้นรถขับออกไปจากรพ. โดยแวะรับเพื่อนชายอีกคนที่ยืนรออยู่หน้ารพ.
และเมื่อทำการสอบสวน น.ส.อริสา ก็ทราบว่า เป็นคนโทรศัพท์ให้ชายคนดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ชื่อเปิ้ล ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มาหาที่รพ. และเป็นคนให้เอาทรัพย์สินทั้งหมดกลับไป
ทั้งนี้ หลังจากทำการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วัดปริมาณแอลกอฮอล์ และตรวจสารเสพติดในร่างกายของทั้งคู่ก็ไม่พบ ทางเจ้าหน้าที่จึงบันทึกประวัติไว้ก่อนที่จะให้นอนพักรักษาตัวที่ รพ.ต่อไป