ของถูก ไม่ให้ใช้ ...ของแพงดันไม่แก้..?

ของถูก ไม่ให้ใช้ ...ของแพงดันไม่แก้..?

ของถูก ไม่ให้ใช้ ...ของแพงดันไม่แก้..?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"จะขอความร่วมมือจากประชาชนในการประหยัดพลังงานต่อเนื่อง ลดการใช้น้ำมันลงหรือใช้ในยามจำเป็น โดยเฉพาะมาตรการที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่จะช่วยลดการใช้น้ำมัน รวมถึงการเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชน และขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ประหยัดเงินได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรเทาวิกฤติจราจรในปัจจุบันอีกด้วย" นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน (www.thaipost.net 14/01/59)

เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อราคาน้ำมันปรับลดลงมา โดยขณะนี้น้ำมัน อี 85 และ น้ำมันดีเซล ราคาขายปลีกลงมาต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร

ท่านปลัดกระทรวงพลังงาน ท่าน ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่มออกมาบอกทันทีว่า อยากให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำมันกันหน่อย น้ำมันยิ่งถูกยิ่งใช้มาก เดี๋ยวได้นำเข้าน้ำมันกันยกใหญ่ จะทำให้สูญเสียเงินตราต่างประเทศไปมากมายเสียป่าวๆ....

ฟังท่านพูดแล้วก็มานั่งนึกแปลกใจ...

ในยามน้ำมันปรับลดลง ซึ่งทยอยปรับลงมา ช้าๆ( จนมีคนแอบบ่นว่าเวลาลงนี้เป็นหอยทาก แต่เวลาขึ้นไวปานวอก) ประชาชนผู้บริโภค หรือผู้ใช้น้ำมันโดยตรงได้ประโยชน์ ท่านกลับเป็นห่วง กลัวประชาชนจะฟุ่มเฟือย แต่ตอนเวลาน้ำมันขาขึ้น...ประชาชนผู้ใช้น้ำตาแทบกระเด็น กล้ำกลืน กัดฟันจำทนต้องแบกภาระหลังแอ่น บางคนไม่ไหวก็ต้องปรับตัวหันมาใช้ระบบโดยสารสาธารณะ ยอมจอดรถยนต์ส่วนตัวเก็บไว้บ้าน ทนความไม่สะดวกสบาย นั่งรถโดยสารตากควันกัน 3-4 ต่อกว่าจะถึงที่หมาย ก็จำต้องทน

แต่พอมาเวลานี้ น้ำมันลงราคาถูก ผู้ใช้ลดภาระได้มากขึ้นสามารถเติมความสะดวกให้กับตัวเองได้...ท่านบอกให้หยุด อย่าเอาออกมาใช้อีก มันฟุ่มเฟือย เดี๋ยวต้องนำเข้าน้ำมันต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศไปกันใหญ่

แน่นอนว่า ตัวเลขปริมาณการใช้น้ำมันตามที่ท่านยกมาอ้างว่า การใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา มียอดการใช้น้ำมันสำเร็จรูปรวมทุกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 4.2% ..ยอมเป็นที่แน่นอนแต่เพราะเหตุใดกันแน่...?

ปริมาณการใช้น้ำมันย่อมสัมพันธ์กับการใช้รถหรือยานยนต์ต่างๆ อย่างเป็นนัยสำคัญ ในช่วงที่มีการดำเนินนโยบาย รถยนต์คนแรก ยอมสูญเสียภาษีสูญเสียรายได้ของรัฐ ท่านไม่สามารถคาดการได้เลยหรือว่า นโยบายนี้จะส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำมันในอนาคต...ขณะนั้นท่านมีบทบาทสำคัญอยู่ในกระทรวงการคลัง ท่านได้ยับยั้ง แจงเหตุแจงผลคัดค้านนโยบายนี้หรือไม่อย่างไร ?

หากประชาชนยอมฟังท่านยอมจอดรถยนต์คนแรกและคันเดิมไว้บ้านเพราะกลัวน้ำมันจะถูกผลาญ จะฟุ่มเฟือย ถามว่า รถขนส่งมวลชน ระบบขนส่งมวลชนของท่านเพียบพร้อมหรือไร บรรดารถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ รถไฟฟ้า ลดราคาลงมากันแล้วหรือ...?

และรู้หรือไม่ว่า ประชาชนที่เดินทาง โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกมาทำมาหากิน ไม่ได้มีที่อยู่อาศัย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบนฟ้า ใต้ดิน เหมือนกันทุกคนไป คนทำมาหากินระดับกลางๆนี้ปัจจุบันกระเด็นไปอยู่ชานเมืองกันเกือบหมด กว่าจะเข้าเมืองมาถึงที่ทำงานต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใดท่านทราบหรือไม่..?

อีกอย่างหนึ่ง ผมเชื่อเหลือเกินว่า แม้ราคานำมันปรับลงมาในขณะนี้ คนใช้รถซึ่งเป็นคนทำงาน ทำมาหากิน เขาก็ใช้ตามความจำเป็น ใช้นั่งมาทำงานก็เป็นปรกติ กลับถึงบ้านก็เย็นค่ำ จะมีใครนึกสนุกเห็นว่าราคาน้ำมันลงพากันขับรถเล่นไปต่างจังหวัดก่อนแล้วค่อยกลับมานอน แล้วพรุ่งนี้ก็ขับมาทำงานใหม่..หรือไม่..?

บอกตามตรงว่า มีหลายคนสงสัย ในประเด็นเรื่อง การยกประเด็นความเป็นห่วงเรื่องการใช้น้ำมัน พยายามบอกว่าเราใช้น้ำมันมาก ทำให้หมดไปเร็ว จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่ม สูญเสียเงินตราต่างประเทศมาก ถูกใช้เป็นประเด็นเพื่อเป็นการปูทางไปสู่ความพยายามในการเปิดสัมปทานแปลงสำรวจน้ำมันรอบใหม่ ที่กำลังถูกคัดค้านอยู่หรือไม่..?

ทั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นเรื่องราคาน้ำมันลดลง ก็คือ ราคาสินค้าและบริการที่มีต้นทุนน้ำมัน และใช้เป็นข้ออ้างในการปรับราคาเวลาน้ำมันขึ้นมาโดยตลอด ได้ปรับลดราคา เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภค ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอยู่แล้วหรือยังมากกว่าหรือไม่....?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook