อย่าลอยแพ “ชาวเลแห่งราไวย์”
เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าอีกครั้งในสังคมไทย เมื่อเกิดการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา กรณีปัญหาความขัดแย้งการใช้ที่ดิน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างนายทุนที่ อ้างสิทธิตามเอกสารทางกฎหมาย กับ ชาวบ้าน ที่ถูกเรียกว่า "ชาวไทยใหม่" ซึ่งก็คือ "ชาวเลราไวย์" หรือ ชาวเล แห่งหาดราไวย์ นั้นแห่ง
เมื่อวานนี้มีการเผยแพร่ภาพตุการใช้ความรุนแรงไปแล้วในสื่อเกือบทุกสำนัก แต่ประเด็นปัญหายังต้องติดตามกันต่อไป แม้ข่าวล่าสุดว่า เจ้าของเอกสิทธิตามเอกสารจะยอมเปิดทางชั่วคราวกว้าง 2 เมตร ให้กับชาวเล เพื่อใช้เป็นทางเดินเพื่อไปยังพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พื้นที่ฝั่งกระดูกของบรรพบุรุษที่มีมายาวนานนับหลายชั่วอายุคน หรือจะว่าไป ก็นานนับตั่งแต่พวกเขามาอาศัยอยู่ที่เกาะภูเก็ตแห่งนี้
ทั้งนี้ปัญหาในเรื่องการใช้พื้นที่ยังไม่จบ แต่ปัญหาที่ยืดเยื้อมานานได้ปะทุโดยมีความรุนแรงขึ้นมา ทางการโดยรัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า .......
"เรื่องนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่องและถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ อีกทั้งยังมีเรื่องแผนที่ที่จะต้องดู ดังนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเชื่อว่าแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องเอกสารสิทธิ์ และความเป็นอยู่ที่อาศัยอยู่มานาน พวกนายทุนมีความร่ำรวยก็ต้องรู้จักแบ่งให้คนจนบ้าง แต่พื้นที่ดังกล่าวอีกฝ่ายก็มีเอกสารสิทธิ์ เราต้องไปคุยกันให้เรื่องนี้ผ่านไปให้ได้"
น่าสนใจยิ่ง ว่า ในการทำให้รู้เรื่องและถูกต้องตามกฎหมาย จะสรุปออกมาอย่างไร....แต่ทั้งนี้มีข้อสังเกตไว้ในบางประเด็นคือ
ประเด็นการใช้ความรุนแรง...แน่นอนว่าต้องไปดูว่าใครเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ใครเป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงขึ้น เรื่องนี้ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน
ประเด็น สิทธิในพื้นที่...หรือสิทธิการใช้พื้นที่...ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องกระจ่าง และเป็นธรรม ทั้งหลักกฎหมายและจารีต มนุษยธรรมด้วย
พื้นที่ตามที่มีการอ้างเอกสารสิทธิ เป็นการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามหลักกฎหมายหรือไป เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไปพิสูจน์กันตามหลักฐาน ก็ว่ากันไป เหตุใดพื้นที่ที่มีการใช้สอยร่วมกันของสังคมกลุ่มคนเล็กๆมานานหลายชั่วคน หรือจะว่าไปก็เหมือนกับพื้นที่สาธารณชุมชน จึงกลายเป็นพื้นที่ตามเอกสิทธิส่วนบุคคลขึ้นมา ก็ไปพิสูจน์กัน
แต่หาก การแก้ไขปัญหานี้ โดยยึดหลักของกฎหมาย ยึดหลักของเอกสิทธิตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว ก็น่าคิดยิ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาวเล แห่งราไวย์ หรือ ที่ราชการตั้งชื่อให้เขาว่า ชาวไทยใหม่..ที่มีวิถีชีวิตไม่สะสมทรัพย์สิน ไม่ยึดครองถือกรรมสิทธิ์ส่วนตัวเหล่านี้ จะมีสิทธิ ในทรัพย์สินที่เป็นที่ดินได้อย่างไร...?
วิถีชีวิตของเขาที่อาศัยผืนดินแห่งนั้นมานาน ใช้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย ใช้เป็นที่ฝังร่างบรรพบุรุษ ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรม ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของพวกเขา พวกเขาไม่เคยอาศัยการบุกยึดจับจองสิทธิในผืนดินใด ๆ มาก่อน ก็ด้วยวิถีดั้งเดิมที่ทำมาหากินอยู่กับทะเลมาตลอด
และที่สำคัญรัฐไทย ไม่ได้รับรองสิทธิเขาในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิที่จะครอบครองที่ดินตามกฎหมายมาก่อน เหมือนกับพี่น้องชนเผ่าอย่าง มาลาบี ซาไก ที่อยู่กับป่าเขามาตลอดชีวิตก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของป่าได้..
ทุกวันนี้ เขา ถูกยกฐานะขึ้นเป็น "ชาวไทยใหม่" ซึ่งหมายถึงอะไร...?
วันนี้ หรือ หรือวันไหนในอนาคตข้างหน้าก็ตาม ภายใต้ลัทธิ เอกสิทธิส่วนบุคคล...กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลภายใต้ กฎหมายของรัฐกำกับ มองอย่างไรก็ไม่มีทางที่ชาวเลราไวย์จะเป็นเจ้าของพื้นที่ ที่อาศัยมาอย่างยาวนานได้ ..ไม่ว่าร่างของบรรพบุรุษจะถูกฝังจนผุกร่อนไปแล้วกี่ชั่วคนก็ตาม....นอกเสียจาก เรายอมรับในเรื่องของสิทธิตามธรรมชาติ หรือตามจารีต ที่พวกเขาอาศัย และ อยู่ ณ ที่แห่งนี้มานาน ...แต่สิ่งเหล่านนี้จะเป็นไปได้หรือ....?
หรือพวกเขาจะถูก ปิดกั้น ผลักใสลอยทะเล.....รอดูและติดตามกันต่อไป....