เอ ไชยา เซ็งเจอดราม่า! สร้างกระแสแอ๊บป่วย
เพิ่งออกจากการพักรักษาตัวจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันไร ก็เจอกระแสดราม่าเข้าให้แล้ว สำหรับพระเอกลิเกหนุ่ม "เอ ไชยา มิตรชัย" เพราะขณะที่เจ้าตัวรักษาตัวด้วยอาการป่วยคล้ายเป็นไข้เลือดออกอยู่นั้น กลับถูกผู้คนจากโลกโซเชียลกล่าวหาว่า ป่วยสร้างกระแส เพราะมีภาพเจ้าตัวไปร่วมรับงานประกาศรางวัลพระกินรีในวันที่ยังป่วยอยู่ งานนี้พอหนุ่มเอได้ยินถึงกับออกอาการท้อใจ พร้อมเผยให้ฟังว่า โลกโซเชียลน่ากลัว แต่ไม่คิดว่าคนจะคิดร้ายถึงเพียงนี้ โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะสร้างกระแสอะไรให้ตัวเองทั้งสิ้น
อัพเดตอาการป่วยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
"ตอนนี้รู้สึกเพลีย แต่ร่างกายดีขึ้น เพราะได้พักด้วย แต่ตอนนี้ที่ยังสะลึมสะลือเพราะหมอให้กินยาแก้ไอ กินแล้วง่วงมาก"
มีผลกระทบกับงานบ้างไหม?
"ไม่มีนะครับ เรารู้ว่าร่างกายเราไหว หรือไม่ไหว อย่าฟื้น พี่พาร่างกายเข้าโรงพยาบาลเลย หลังจากถ่ายรายการวันนั้นเสร็จ เพราะรู้เลยว่าไม่ไหวจริงๆ มันมีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ซึ่งเราไม่รู้สาเหตุไง ทานยาลดไข้ไปก็ดี แต่พอเข้าโรงพยาบาลหมอตรวจกลายเป็น ปรอทถึง 40 เราลุกแล้วหน้ามืด เรารู้ตัว
พี่ขอออกจากโรงพยาบาลก่อนที่จะได้ออกอีกวันหนึ่งนะ อยากมาพักที่บ้าน อยากรู้ว่าถ้ามากระทบกับอากาศจะเป็นยังไง แต่ไม่กล้าออกมา เพราะปอดเราติดเชื้อ ก็เจาะเลือด ตรวจเลือด อยู่อย่างนี้ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะโรคเดี๋ยวนี้น่ากลัวมาก ไข้หวัดมาแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ทันสมัยเหลือเกิน"
สรุปอาการป่วยตอนนี้คือเป็นอะไร?
"เดี๋ยววันที่ 9 นี้ จะไปหาหมอ อยากให้เขาเช็คอีกครั้ง มีการเอ็กซเรย์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้เขาตรวจผลเลือดอีกครั้งไปเลย และวัคซีนคงต้องใส่หลายตัว เพราะอาชีพแบบเราทำงานหลายสถานที่ สาเหตุหลักๆ เลยที่พบคืออากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และมีฝุ่นละออง เราคิดว่าร่างกายเราไหว แต่จริงๆ ข้างในเราไม่ไหว ไม่รู้ตัวด้วยว่าเป็นปอดบวม คิดแต่ว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆ"
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยใช่ไหมที่ป่วยหนักขนาดนี้?
"ครั้งแรกครับ และเสี่ยงมาก อันตราย แต่โชคดีมากที่หมอตรวจเจอก่อน และให้ยาได้ถูก ผมเลยบอกว่าเราอย่าชะล่าใจนะครับ ขนาดตัวผม ผมไม่เคยพบหมอเลยว่าจะไหวแค่ไหน ข้างในเราไม่รู้ ใจเราสู้ แต่ข้างในเราไม่รู้ เป็นปอดบวมติดเชื้อด้วย ถ้าเป็นไข้อย่าคิดว่าทานยาแล้วหาย มันเป็นการรักษาร่างกายที่ผิด หมอบอกถ้ากลับมาแล้วมีไข้ให้กลับไปโรงพยาบาลอีก ให้เฝ้าสังเกตอาการ"
มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษไหม?
"ตอนนี้ให้เฝ้าสังเกตอาการเลย ถ้ามีไข้หรือตัวร้อนให้รีบกลับไปเลย อย่าชะล่าใจ เพราะผลที่ออกมาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ถึง ต้องเฝ้าสังเกต เรื่องของเสียงพี่ก็ไม่ได้พักเลยครับ เล่นลิเกตลอด ตอนนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้เสียงด้วย กลัวกล้ามเนื้อเส้นเสียงอ่อนแรง กรดไหลย้อน เสียงยังไม่ใส ต้องให้หมอเช็คให้ละเอียด เพราะกลัวจริงๆ ครับ หมดเสียงนี่คือหมดอาวุธทำมาหากินเลย"
ต้องพักงานมาดูแลสุขภาพเลยหรือเปล่า?
"คงไม่พักหรอกครับ ทำที่เราไหว งานเขาจองคิวได้แล้ว มีงานประจำ ทั้งงานราช งานหลวงก็ต้องไป ปฏิเสธคนไม่เป็น บางทีงานไม่ได้ออกสื่อ ไปช่วยเราก็ไป งานต่อเราก็มี มันทำให้เราไม่มีเวลาพักผ่อน เวลานอนก็ไม่มี"
มีภาพไปรับรางวัลงานพระกินรีมา แต่เป็นจังหวะที่เราป่วยอยู่พอดี?
"อ่อ ไม่ครับ อันนั้นตั้งแต่ปีที่แล้วครับ เวลาเรามาเขาก็เอาไปลงกัน"
รู้สึกยังไงที่เราป่วยอยู่ แต่ก็ถูกคนจับผิดว่าสร้างกระแส?
"ไม่อ่ะ เพราะจริงๆ โลกโซเชียวก็น่ากลัวอยู่ ดูอะไรต้องคิดวิเคราะห์ ขนาดตัวพี่เข้าโรงพยาบาลยังมีคนมาบอกว่าลวงโลก ป่วยนี่นะ และอยู่ในดุลพินิจของหมอ พี่ไม่จำเป็นต้องมาสร้างกระแส พี่ไม่ชอบ พี่พูดจริงๆ แต่พี่เป็นคนโมโหคนไม่เป็น ใครว่าอะไรก็นิ่ง ก็เฉย ไม่โต้ไม่ตอบใครทั้งสิ้น เราต้องใจหนักๆ หน่อย แต่บางครั้งได้ยินแบบนั้นก็นอนน้ำตาซึมเหมือนกันนะ เพราะคนใกล้จะตายมันถึงได้รู้ไงว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ในบางกลุ่ม ถ้าเราไม่รัก ไม่ชอบศิลปิน ดารา เกิดการหมั่นไส้
จริงๆ แล้วบางคนไม่อยากจะเป็นข่าวครับ อย่างผมเข้าโรงพยาบาลไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ยังถามแม่เลยว่าแม่ให้ข่าวเหรอ แม่ก็ไม่รู้เรื่อง คือทางโรงพยาบาลมีศูนย์ข่าว เลยมีข่าวออกไป การป่วยเราไม่ได้แกล้ง อยากให้เว้นวรรคไว้บ้าง คนที่จะทับถมคนมีเยอะเหลือเกิน แต่คนที่จะให้กำลังใจมีน้อย นอกนั้นทับถมเหยียบย่ำกัน มันเหมือนสังคมเห็นแก่ตัวและแก่งแย่งกัน เราอยู่ด้วยความอะลุ่มอล่วยดีกว่า น้ำพึ่งเรื่อ เสือพึ่งป่า และให้กำลังใจกันดีกว่า ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องดู จบ คนป่วยเวลาเข้าโรงพยาบาลยาหมอช่วยได้ แต่ยาใจสำคัญ คนรอบข้างสำคัญมาก"
แอน มิตรชัย ก็โดนกระแสต่อว่าจากเรื่องชุดลิเกที่โป๊ไป ตอนขึ้นเวทีพร้อมเราเหมือนกัน?
"คือเรื่องของเรื่องมันเป็นมุข และเขาไม่ได้โป๊แบบนั้นหรอกครับ พูดจริงๆ ไม่ได้แก้ตัวแทนน้อง คือตัดต่อ ตัดส่วนล่าง พ่อไม่ปล่อยอยู่แล้วในเรื่องโป๊ แต่ส่วนนี้เป็นฉากที่นางเอกไปยั่วพระเอก กระโปรงน้องแอนสั้น แต่เขานุ่งกางเกงข้างใน เป็นถุงน่องก็หลายชั้น เราเซฟไว้หมดครับ แต่ที่ภาพออกไป โอ้โห้ ขึ้นมาซะ มันเห็นตรงนั้นเลยครับ เห็นแล้วไม่ใช่แล้ว ตรงนี้กล้าพูด พ่อผมเขาสอนมาถ้าแดนซ์เซอร์มาให้เปลี่ยนข้างล่าง เรามีครูเคารพนับถือเราถูกสอนมาอย่างดีแล้วครับ ขอบพระคุณนะที่หลายๆ คนเป็นห่วง แต่ตรงส่วนนี้ ภาพในบ้างครั้งไม่ใช่ภาพจริง"
พอน้องแอนเห็นภาพ เขาว่าอย่างไรบ้าง?
"เขาเสียกำลังใจ เพราะเขาสามารถที่จะแบ่งภาพลักษณ์ได้ ลิเก หนัง คอนเสิร์ต ชุดเขาใส่กันแน่นหนา ยิ่งทีมงานใหญ่ๆ ปล่อยไม่ได้ ต้องมีการเซฟไว้แล้ว พี่เชื่อสื่อหน้าจอต้องมีจรรยาบรรณ แต่บางสื่อเขียนขึ้นมาเอง ต้องใช้วิจารณญาณในการดูด้วย มีอะไรให้เตือนๆ กัน"
เรื่องคดีความของมิตร ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
"เรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม อยู่ในคดีความ พี่ไม่สามารถพูดอะไรเยอะได้ เราก็รักและห่วงน้อง แต่เราก็สงสารทางนู้น เราใจเป็นธรรมและเป็นธรรมพอ ต้องขอบคุณที่หลายคนยังให้ความสำคัญและความสนใจกับครอบครัวเรา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับทางดุลพินิจศาลครับ"