Exclusive! บทเรียนราคาแพง "นกตีสิบ" หลงเหลิงจึงล้มหมดตัว
เพราะชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามาหลังจากผู้หญิงคนนึงได้ไปออกรายการดังและถ่ายทอดชีวิตศัลยกรรมจนชีวิตเปลี่ยนไปนั้นก็ส่งผลให้ "นก วันริสา เนมิราช" หรือ "นกตีสิบ" ก็กลายเป็นสาวไอดอลที่ได้โอกาสต่างๆ เข้ามาในชีวิตจนนำไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจอาหารเสริมความสวยความงามและด้วยการตอบรับที่ดีบวกกับชื่อเสียงที่มีในตอนนั้นจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เธอเปิดใจว่าเธอหลงและเหลิงไปกับการใช้ชีวิตที่ติดความหรูหราจนนำไปสู่การติดหนี้สินจนหมดตัว
จนกระทั่งวันนึงเธอได้บอกกับตัวเองว่าเธอจะนำบทเรียนราคาแพงที่เธอได้รับพลิกชีวิตอีกครั้งสองปีหลังจากนั้นสาวนกก็กลับมาสู่ชีวิตการเป็นเจ้าของธุรกิจพร้อมกับปลดหนี้สินได้สำเร็จและนี่จึงเป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตที่น่าสนใจที่ทีมข่าว Sanook! News ขอหยิบมานำเสนอเป็นตัวอย่างการใช้ชีวิตของสาว "นกตีสิบ" และหวังว่าจะเป็นประโยชน์และให้แง่คิดไม่มากก็น้อยเช่นกัน
"นกตีสิบ" จากชีวิตธรรมดาสู่การหลงเหลิงติดหรู
ย้อนกลับไปช่วงหลายก่อนหลังจากที่ "นก วันริสา" มาปรากฏตัวในรายการตีสิบกับการเป็นแขกรับเชิญนั่งพูดคุยถึงชีวิตที่ผ่านการศัลยกรรมจนชีวิตเปลี่ยนมากมาย เพียงแค่ข้ามคืนชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปแบบชัดเจน เธอเล่าว่าเธอกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงทำให้โอกาสต่างๆ นั้นวิ่งเข้ามาหาและนั้นก็ทำให้ชีวิตของเธอเดินเข้าไปสู่การ "หลงระเริง" กับสิ่งที่ได้มาง่ายๆ และไม่ได้เห็นคุณค่า
"หลังไปออกรายการตีสิบคนก็จำนกได้เยอะขึ้นมีคนรู้จักมากขึ้นมีกลุ่มเพื่อนเพิ่มมากขึ้นก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง สร้างคอนเนคชั่นให้กับตัวเอง จนกลายเป็นว่าเข้าสู่วงการความงาม พอเพื่อนเปิดคลินิกก็เอานกไปช่วยโปรโมท จนหลายคนก็ยกให้เป็นเจ้าแม่ศัลยกรรม ซึ่งก็รู้สึกดีนะสิ่งที่นกทำมันต่อยอดเรื่องของอาชีพนกได้ จากเด็กที่สมัยเรียนเกเรมากจนกลายเป็นเหมือนคนที่มีงานและเราไม่ได้ทำงานแค่ตัวเราเอง
แล้วเรามีลูกน้องมีคนอยู่ข้างหลังสามารถเลี้ยงครอบครัวได้เป็นเสาหลักให้ครอบครัว ส่วนจุดเปลี่ยนของนกคือนกเดินเข้าสู่วงการความสวยความงามขายเป็นเจ้าของธุรกิจคอลลาเจนขายไปห้าเดือนหกเดือนนกขายได้ยอดถึงร้อยล้านพอเงินมันได้มาง่ายถอยกระเป๋าทุกวันใบละแสนใบละล้านนี่สู้ บ้าแบรนด์ ทั้งติดเพื่อ ติดสังคม ติดหรู ออกเที่ยวทุกวัน จิบไวน์ตามร้านหรู วันนึงออกรถสองคัน ขับรถหรู กระเป๋าหรู
เพราะคิดว่าสินค้าเรามันติดตลาดแล้ว ยังไงก็ต้องขายได้ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลยคนอื่นเขาก็ขึ้นมาแบรนด์อื่นเขาก็ขึ้นมาแข่งขันกันในตลาด ในขณะที่คนอื่นเขาวิ่งอยู่เรากลับหยุดอยู่กับที่ เงินที่มีอยู่มันก็ร่อยหรอลงไป นกมีแฟนคนนึงอยู่อเมริกาบินไปหาเขาเดือนนึงสองรอบนั่งเฟิร์สคลาสไปด้วยนะ เสื้อผ้าก็ซื้อให้เขาหมด แบรนด์เนมซื้อให้เขา ด้วยความที่เราหาเงินง่ายแล้วเพื่อนก็เยอะ เที่ยวทุกคืนเที่ยวยันเช้างานก็ไม่ทำ
จนวันนึงเงินหมดติดหนี้โรงงานอีก คือมัวแต่ใช้เงินโดยที่ไม่รู้เลย แล้วลูกน้องก็นั่งทำงานอยู่จนมีหนี้โรงงานห้าล้าน แล้วกลับมาดูในบัญชีแบบเงินไม่มี บัตรเครดิตติดอีกแล้วช่วงนั้นใช้วิซดอมรูดเป็นล้าน มีกี่ใบกี่ใบรูดหมดทีนี้ล้มแล้วศูนย์เลย ไม่กล้าบอกแม่เพราะปกตินกให้เงินเดือนแม่เดือนละห้าหมื่นสามหมื่นเพราะไม่อยากให้เขาทำงานเขาเริ่มมีปัญหาสุขภาพแล้วแล้วพอเราล้มเป็นไงเพื่อนจากที่เคยมีเยอะก็หายหมดคนที่เคยติดตามกันก็น้อยลงค่ะ"
บทเรียนชีวิต "ราคาแพง" พลิกชีวิต
เพราะต้องเผชิญกับการล้มที่เกือบหมดตัวพร้อมกับหนี้สินที่ต้องแบกรับจำนวนมากหลังหลงและเหลิงไปกับชีวิต จึงทำให้สาวนกเกิดจุดเปลี่ยนความคิดและลุกขึ้นมาสู้ชีวิตและก็กลับมายืนได้อีกครั้งและพบคำตอบการใช้ชีวิตที่เธอบอกว่าเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ
"นกก็มาคิดนะว่าตอนแรกคนที่เข้ามารอบๆ ตัวเราเขามาเสพอะไรของเราความหรูหราหรืออะไร พอหมดตัวก็เริ่มหายไปหายไปจนเราก็ทำใจขายรถทิ้งคันนึงได้มาสองล้านก็ยังเหลืออีกสามล้านกว่าก็ทำงานเจรจากับทางโรงงานว่าเราหมดตรงนี้จริงๆ นะ คือมันไม่มีจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงแล้วก็ขอเขาจ่ายเดือนละห้าหมื่นก็ใช้เขามาตลอดสองปี จนมาจับธุรกิจปัจจุบันนี้ที่มันเหมือนพึ่งฟื้นขึ้นมาถึงยอดขายมันอาจจะไม่ถึงร้อยล้านแต่นกมีเงินเก็บมากกว่าตอนที่ได้ยอดร้อยล้านอีกนะ
เพราะเรามีบทเรียนจากตอนนั้นแล้วเรารู้จักการใช้ชีวิตมาขึ้นมองคนเลือกคบคนมากขึ้น เลิกบ้าแบรนด์ มาใช้ถุงผ้าแทนบางทีจากที่ชอบกินข้าวจิบไวน์นอกบ้านก็กินข้าวบ้านประสบการณ์มันสอนให้เราปลงมากขึ้นค่ะแม่ทอดไข่ แม่ทอดหมู แม่ทำน้ำพริกคืออร่อยมากกว่าตอนนั้นอีกแล้วเงินเหลือด้วยนี่คือบทเรียนจากการล้มที่แรงมากในชีวิตของนก ซึ่งก็คุ้มนะถ้าย้อนเวลากลับไปได้นกก็คงทำเหมือนเดิมเพราะเราไม่เคยมีพอมามีมันก็นะถ้าเราไม่โดนในวันนั้น วันนี้เราก็คงยังคิดไม่ได้ก็คงยังหลงระเริงอยู่ความเด็กด้วยอายุ 23-24 มีเงินร้อยล้าน ใช้สิคะรออะไรซื้อรถเงินสดเพื่อนมาเลยเลี้ยงๆ ใจใหญ่มากเงินหลักล้านที่เสียไปก็เป็นค่าบทเรียนชีวิตไปค่ะ"
"ล้มเพราะ "ความเหลิง" ยืนขึ้นได้เพราะ "ความงาม"
"หลังจากล้มและลุกขึ้นมานกมาทำพวกคอสเมติกส์เหมือนเดิมยังอยู่ในวงการนี้ ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆ และใช้ชีวิตอะไรที่ไม่จำเป็นเราก็ตัดมันออกมีเหลือเงินเก็บอีกซื้อบ้านได้อีกหลังนึง คือระยะเวลาสองปีกว่าจากที่เราเป็นหนี้วันนี้เรากลับมายืนได้อีกครั้งหมดหนี้ ซื้อบ้านใหม่ มีเงินเก็บยอดขายตอนนั้นร้อยล้านแต่เงินเก็บไม่มี แต่ตอนนี้ยอดขายไม่ถึงร้อยล้านยังไม่แตะห้าสิบด้วยแต่มีเงินเก็บ นกมองว่าหลักๆ เลยมันขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตนะ
เพราะตอนนั้นนกมองว่านกจ่ายออกไปเยอะมากปรนเปรอตัวเอง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นคนก็ยอมรับเราอยู่แล้วเพราะเขายอมรับเราจากการที่เราทำงาน เราสู้ชีวิตเราโตเราทำงานเลี้ยงพ่อแม่ได้ ทุกวันนี้นกทำงานมีพนักงานเกือบยี่สิบคนเราเหมือนคิดได้มากขึ้น คือนกมองละเอียดไปอีกว่านี่มันไม่ใช่แค่ยี่สิบคนนะ ยังมีลูกเขาอีก พ่อแม่ครอบครัวเขาอีก เขาต้องไปเลี้ยงอีกกี่คน มันกลายเป็นเหมือนว่านกต้องทำเพื่อคนอื่นให้มากกว่านั้น
ซึ่งย้อนกลับไปนกไม่เคยคิดถึงเลยปรนเปรอตัวเองอย่างเดียว ทำให้ตัวเองมีความสุข บ่นว่าทำงานเหนื่อยแต่จริงๆ คนอื่นเขาทำงานเหนื่อยกว่าเราอีกแต่โอกาสของเราคือเราได้โอกาสที่ดี แต่โอกาสที่เราได้มาเราทำลายมันด้วยมือเราเอง ตอนนี้ก็โตขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แบบมีเงินห้าล้านใช้สี่ล้าน คนเรามีความฝันตั้งความหวังไม่เหมือนกันอยู่ที่ว่าใครจะฝันยังไง ให้มันเป็นแรงบันดาลใจ เป็นเป้าหมายในการทำงานของเรา หลักแรกๆ เลยคือเราทำเพื่ออะไร เราทำเพื่อคนที่อยู่ข้างหลังเราใช่ไหม
ความสุขของเราคืออะไร คือการมีบ้านใช่ไหมพอมีบ้านแม่เราก็ภูมิใจ อายุยังไม่ 30 ซื้อบ้านได้แล้ว นกไม่ได้เก่งกว่าใครนะนกแค่โชคดีได้รับโอกาสดีๆ แล้วเวลาได้รับโอกาสอะไรควรทำด้วยความจริงใจ เพราะถ้าเราโกหกมันจะได้อะไรที่ไม่ยาวต่อให้ล้มก็กลับมาไม่ได้เลยค่ะ
และตอนนี้นกก็ต่อยอดพาคนจากไทยไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีทำโปรดักซ์ความงานทำหลายอย่างเจ้าของคลินิกด้วยแต่ของนกจะทำพวกฉีดอย่างเดียว โบท็อกซ์ ร้อยไหม อะไรแบบนี้แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดนกจะส่งไปเกาหลีจะเป็นคุณหมอที่เขาออกรายการ Let me In คอนแท็คโดยตรงเหมือนนกเป็นพีอาร์ค่ะ"
"ฝากแง่คิดจากคนล้มสู่ "ความสำเร็จ"
"หัวใจสำคัญของนกคือ ความอดทน ความซื่อสัตย์ เวลาทำไรก็อย่าไปย่อท้อ ทำไปเถอะทำไปจนกว่ามันจะสำเร็จอดทน แล้วก็ขยันไว้คนที่มีโอกาสและขยันยังไงนะก็ชนะถ้าล้ม ส่วนตัวนกนะนกชอบเปรียบเทียบคนอื่นแบบตอนเด็กๆแม่เขาชอบแบบดูข้างบ้านดิ เขาเรียนเก่งเกรดสามเกรดสี่ ดูตัวเองซิตกทุกเทอมอยู่มาแบบนั้นนกเลยชอบเปรียบเที่ยบตัวเองกับคนอื่นอยู่เสมอ กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่เขานำหน้าไปกว่าเรา ถ้าเราล้มก็มองเขาๆ เองยังลุกได้เลยทำไมเราถึงไม่ลุกทำไมเราไม่สู้ไม่ได้มองว่าเขาได้ดีกว่าหรืออะไร ดูเขาขยันยังไงคนรวยสู้คนขยันไม่ได้นะรวยมันก็หมดนกผ่านจุดนั้นมาแล้วร้อยล้านก็หมดขยันยังไงก็ไม่มีวันอดตายค่ะ"
สาวนกก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นตัวอย่างที่ Sanook News! เลือกนำมาถ่ายทอดและต้องการเสนอให้เห็นถึงการสู้ชีวิตที่แม้เธอจะเคยหลงและเหลิงไปแต่ก็กลับมายืนได้อีกครั้งเพียงแค่เปลี่ยนความคิดพร้อมพลิกชีวิตตัวเองด้วยการมีต้นทุนคือความมุ่งมั่นและอดทนจนประสบความสำเร็จได้อย่างภาคภูมิใจ
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ