เปิดใจ น้องไอซ์ เรียงความลูกกำพร้า ไม่อยากเป็นหมอเหมือนพ่อ

เปิดใจ น้องไอซ์ เรียงความลูกกำพร้า ไม่อยากเป็นหมอเหมือนพ่อ

เปิดใจ น้องไอซ์ เรียงความลูกกำพร้า ไม่อยากเป็นหมอเหมือนพ่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์จดหมายทางราชการฉบับหนึ่งของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เรื่อง 'ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัว นพ.กฤษฎา วงศ์ดีเลิศ' โดยเป็นเรื่องราวของครอบครัวของ นพ.กฤษฎา วงศ์ดีเลิศ อดีตแพทย์ รพ.กบินทร์บุรี แพทย์จากจุฬารุ่นที่ 42 ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด ขณะที่ภรรยาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เหลือเพียงย่าวัย 80 ปี และลูกสาวซึ่งมีอาการลมชักไว้ 1 คน ปัจจุบันอายุ 15 ปี ซึ่งไม่ได้เรียนหนังสือเพราะฐานะยากจน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องแชร์สนั่น "เรียงความลูกกำพร้า" พ่อเสียชีวิตเพราะช่วยคนไข้

ล่าสุด (19 ก.พ.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า น.ส.อารดา วงค์ดีเลิศ อายุ 15 ปี หรือ ไอซ์ ชาวอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ลูกสาวของนายแพทย์คนดังกล่าว ซึ่งได้เขียนเรียงความระบายความในใจเนื่องในวันแม่แห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2555 เมื่อคราวมีอายุ 11 ปี 

ปัจจุบัน น.ส.อารดา ได้อาศัยกับคุณย่าในวัยชรา ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีเพียงงานรับจ้างทั่วไป ที่เพื่อนบ้านนำมาให้ทำ เช่น ห่อริบบิ้นโปรยทานงานบวช รวมทั้งงานถักที่รองจานและแก้ว นอกเหลือจากนั้นบางครั้งก็มีคนมาจ้างให้ไปเฝ้าคนไข้ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรีตลอดทั้งวันทั้งคืน และต้องปล่อยให้ย่าอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวตามลำพัง

 ส่วนเรื่องการเรียนตอนนี้ไม่ได้เรียนแล้วต้องลาออกกลางคัน สาเหตุเพราะไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อชั้น ม.4 ของโรงเรียนกบินทร์วิทยา เพราะสู้ไม่ไหว ทั้งค่ารถในการเดินทาง และค่ากิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน แต่ตอนนี้อยากจะหาเงินก่อน และจะเรียนต่อที่ กศน. ส่วนตัวเองก็มีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก

ส่วนที่ทำเรื่องขอความช่วยเหลือนั้น มาจากครูน๊อต ที่เคยเป็นครูสอนมาก่อน ซึ่งเห็นความลำบากอยากจะให้มีคนมาช่วยเหลือครอบครัวของตน ส่วนตัวตนเองอยากจะเรียนให้สูงๆ และอยากเป็นครูสอนหนังสือ ไม่อยากเป็นหมอเหมือนกับคุณพ่อ เพราะกลัวจะติดเชื้อและเสียชีวิตแบบพ่อ ตอนนี้อยากจะได้บ้านสักหลังเพื่อจะได้อยู่กับย่า 

ทั้งนี้ ความคืบหน้าล่าสุด มีหน่วยงานได้ร่วมจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือ 2 ย่าหลานแล้ว

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook