Top Case! 10 คดีดัง..ฉาวสนั่น บันทึกไว้หน้าวงการบันเทิงไทย
"ขึ้นโรงขึ้นศาล" คงไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ปรารถนาให้มาเยือนในชีวิต แต่เมื่อเกิดปัญหาที่ไม่สามารถคลี่คลายหรือตกลงกันได้ "อำนาจของศาล" กลายเป็นที่พึ่งของความยุติธรรมของแต่ละฝ่าย ที่ผ่านมา..วงการบันเทิงไทยยังคงมีประเด็นฟ้องร้องและดำเนินคดีกันอย่างต่อเนื่อง
บ้างก็เกิดจากกรณีฉาวๆ เสียดสี ใส่ความ นำไปสู่การหมิ่นประมาท หรือบ้างก็เป็นความผิดที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งต้องใช้คำพิพากษาเป็นเครื่องตัดสิน บทสรุปแต่ละประเด็นที่แตกต่างกัน แต่มักคล้ายกันในส่วนของการต่อสู้ เพื่อสิทธิและศักดิ์ศรีของแต่ละฝ่าย โดยที่เรื่องเหล่านี้มี "สังคม" คอยจับตาอยู่เสมอ และทำให้ทั้ง 10 คดีนี้ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าวงการบันเทิงไทย...
คดีไร่ส้ม
เวลานี้คงไม่พูดถึงคดีนี้คงไม่ได้ "สรยุทธ สุทัศนจินดา" พิธีกรข่าวชื่อดัง ต่อสู้คดีนี้มาอย่างยาวนานเกือบ 10 ปี จากประเด็นที่เริ่มต้นจากปี 2548 บริษัท ไร่ส้ม ของพิธีกรคนดัง ถูกตรวจสอบพบว่า ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับ อสมท. กว่า 138 ล้านบาท กระทั่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เรื่องส่งไปถึง ป.ป.ช. และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของ อสมท. ร่วมด้วย
การสอบสวนดำเนินต่อไป อีกทั้งยังพบข้อพิรุธและการทุจริตในกรณีนี้เป็นระยะๆ เห็นชัดว่า บริษัท ไร่ส้ม ติดสินบนพนักงานที่ดูแลคิวโฆษณา เพื่อให้ได้เงินจากการขายโฆษณามากขึ้น เมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นศาลอาญา จึงมีความเห็นว่าผิดจริง สั่งจำคุก สรยุทธ และ ลูกน้อง เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญา กลายเป็นประเด็นฉาวๆ ในสังคมอีกครั้ง นำไปสู่การประกาศยุติหน้าที่พิธีกรข่าวของ สรยุทธ
คดีเอ ศุภชัย กับ ใหม่ ดาวิกา
ผู้จัดการดารามือทองแห่งวงการบันเทิงไทย "เอ ศุภชัย" แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้มากๆ แต่ก็ไม่วายต้องสะสางกับประเด็นวุ่นๆ ตกลงกันไม่ได้ ต้องพึ่งศาลตัดสินให้ความยุติธรรม กรณีนี้เริ่มต้นขึ้นเกี่ยวกับ "เรื่องผิดสัญญา" ระหว่าง "ใหม่ ดาวิกา" ที่ยืดเยื้อและมีการเจรจาไม่ได้อยู่หลายรอบ
คดีร้อนๆ ในอดีตครั้งนี้ เอ ศุภชัย เรียกค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ใหม่ ดาวิกา ก็ไม่น้อยหน้า ฟ้องกลับเรียกเงิน 20 ล้านบาท ประเด็นนี้ยังนำไปสู่ข่าวซุบซิบต่างๆ นานา ไม่ต่างกับสาดโคลนใส่กัน กระทั่งในปี 2556 เรื่องทุกอย่างจบลง หลังเจรจาตกลงกันได้ สาวใหม่ จ่ายค่าเสียหาย 7 หลักให้อีกฝ่าย ทำให้ เอ ศุภชัย ก็ยินดีถอนฟ้องทุกคดีเช่นกัน
คดีเสก โลโซ กับ กานต์ วิภากร
คดีนี้ก็ดุเด็ดเผ็ดร้อน..ขึ้นหน้าหนึ่งสื่อทุกฉบับทีเดียว จุดสิ้นสุดทางรักระหว่าง "เสก โลโซ" กับอดีตภรรยา "กานต์ วิภากร" ที่กลายเป็นศึกภายในที่ประจักษ์ต่อสายตาสังคม นำมาสู่การเปิดคดีความที่เวอร์วังอลังการ เมื่อ เสก โลโซ ประกาศฟ้องภรรยา 4 คดี พร้อมค่าเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ กานต์ วิภากร ก็ตั้งรับสู้และยืดหยัดเพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูแลและค่าส่งเสียเลี้ยงดู
กรณีที่คาราคาซังจากปีสู่อีกปี กระทั่งกลางปี 2558 ทั้งคู่ได้เข้าจดทะเบียนหย่าด้วยกัน พร้อมเจรจาตกลงเพื่อความเป็นครอบครัวและลูกๆ โดยที่ทางฝ่าย เสก โลโซ ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับอดีตภรรยา รวมทั้งค่าเลี้ยงดูลูก เดือนละ 150,000 บาท ซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท แม้ว่าคดีนี้จะเคลียร์ได้ แต่ดูเหมือนว่ายังคงมีการท้าทายของ 2 ฝ่ายอยู่เป็นระยะ เหมือนกับไฟที่ยังไม่มอดสนิท
คดีแอนนา รีส
คดีเมื่อไม่นานมานี้ ดาราสาว "แอนนา รีส" กลายเป็นข่าวดัง เมื่อขับรถเก๋งเฉี่ยวชนท้ายรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.ท. สภาพพังยับเยิน เมื่อกลางปี 2558 ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง ทางด้านดาราสาวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ประเด็นดังกล่าวถูกวิจารณ์ไปทั่วสังคม พร้อมกับความแคลงใจที่ค่อยๆ ได้รับความกระจ่างและคลี่คลายลงไปทีละปม
ส่วนคดีฟ้องค่าเสียหายต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ที่มีการเรียกร้องเงินกว่า 5 ล้านบาท แต่ทางฝ่าย แอนนา เสนอค่าชดเชยให้ 2 ล้านบาท ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตไม่เห็นด้วย ทำให้คดีนี้มีการเจรจาล้มเหลวหลายครั้ง กระทั่งเวลาไม่นานนัก ดูเหมือนว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดของตัวเลขค่าชดเชย บอกเพียงว่าสมเหตุสมผล ส่วนคดีอื่นๆ ก็ยังต้องเป็นไปตามกระบวนการของศาล เรื่องนี้กลายเป็นอุทาหรณ์จำไปจนวันตายของดาราสาวผู้นี้
คดีแพท ณปภา
คดีนี้กลายเป็นข่าวที่ทำให้สังคมประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เมื่อ "แพท ณปภา" กับ "พ่อผู้ให้กำเนิด" ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องร้องเรื่องค่าเลี้ยงดู สาวแพท ได้ชี้แจงว่า พ่อไปแยกออกไปมีครอบครัวใหม่หลายปีแล้ว ทำให้ตัวเองรับภาระเลี้ยงดูแม่และพี่สาวป่วย ก่อนหน้านี้มีเงื่อนไขว่า แพทต้องส่งเงินให้พ่อทุกเดือน แต่เมื่อแม่ล้มป่วย ทำให้แพทไม่ไหว จึงผิดเงื่อนไขและเกิดประเด็นนี้ขึ้น
การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา 1 ปีกว่าๆ กระทั่งช่วงต้นปี 2558 สาวแพท ออกมาเปิดเผยว่า คดีนี้จบลงแล้ว ศาลสั่งให้ส่งค่าเลี้ยงดูแก่พ่อไปตลอดชีวิต เป็นเงินหลักก้อนพร้อมรถยนต์ แถมยังถูกขู่เพิ่มจำนวน หากขาดการส่งเสีย เพราะเหตุนี้เอง..ทำให้ตลอดปี 2558 จนปัจจุบัน สาวแพท รับงานในวงการเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ สังคมต่างยกให้เธอเป็น "ลูกกตัญญู" ไปโดยปริยาย
คดีแอนนี่ บรู๊ค กับ ฟิล์ม รัฐภูมิ
ส่วนคดีนี้คงจะถูกจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการบันเทิงไปแล้ว สำหรับเรื่องวุ่นๆ ฉาวๆ ระหว่างดาราสาว "แอนนี่ บรู๊ค" กับหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะทราบถึงปมสาเหตุของเรื่องนี้กันดี เอาเป็นว่า..ไม่ต้องทวนซ้ำเนอะ จากปมฉาวๆ ครั้งนั้น กลายมาสู่ประเด็นฟ้องร้องแตกย่อยหลายส่วน แต่ที่ยืดเยื้อคงจะเป็น 2 คดี หมิ่นประมาท และ ผิดสัญญา ที่ต่างฝ่ายต่างลงสนามต่อสู้กันมายาวนาน
แต่เรื่องทั้งหมดก็คลี่คลายลง เมื่อปลายปี 2555 เมื่อทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาพูดคุยตกลงกันได้ด้วยดี สาวแอนนี่ เดินทางไปสำนักงานเขต เพื่อของถอนชื่อ หนุ่มฟิล์ม ออกจากสูติบัตรลูกชาย ถือเป็นบทสรุปที่เคลียร์ว่า ดาราหนุ่มไม่ใช่พ่อของลูกชายของเธอ จึงทำให้ หนุ่มฟิล์ม ก็ยินดีถอนฟ้องทั้ง 2 คดีเช่นเดียว เรื่องราวอื้อฉาวที่ค้างคามาตลอดค่อยๆ เลือนรางไปตามกาลเวลา
คดีเต๋า สมชาย
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคดีดังกล่าวของวงการบันเทิง เมื่อศาลสั่งพิพากษากักขัง "เต๋า สมชาย" เป็นเวลา 15 วัน ในคดีทำร้ายร่างกาย หลังมีเหตุทะเลาะวิวาทกับ "โกตา" เสี่ยร้านของชำที่เชียงใหม่ เมื่อปี 2552 โดยในครั้งนี้ได้ยื่นหลักทรัพย์เกือบ 8 แสนบาท เพื่อประกันตัวและต่อสู้คดีกันต่อไป ท่ามกลางข้อมูลต่างๆ ที่อีกฝ่ายต่างเปิดเผยต่อสื่อ
ต่อมาในช่วงวันสงกรานต์ปี 2554 ดาราหนุ่ม "เต๋า สมชาย" ต้องเข้ารับโทษกักขัง 15 วัน หลังศาลฎีกาไม่รับคำร้องฎีกา และยึดเอาคำพิพากษาจากศาลอุทธรณ์ ทำให้ดาราหนุ่มถูกกักตัวไว้อยู่สถานที่กักขังกลางจังหวัดลำปาง ตั้งแต่วันที่ 11-25 เมษายน 2554 ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกไป ทำให้คดีดังกล่าวสิ้นสุดลง ทางฝ่ายคู่กรณีก็รู้สึกพอใจกับการรับโทษ พร้อมอโหสิกรรมให้ทุกอย่าง
คดีไฮโซน้ำหวาน กับ หนิง ปณิตา
ประเด็นนี้ไม่ต่างกับสงครามระหว่าง "ดารา" กับ "ไฮโซ" ศึกปะทะคารมฉาวสนั่นวงการบันเทิงระหว่าง "หนิง ปณิตา" กับ "ไฮโซน้ำหวาน" ที่กลายเป็นเรื่องแซ่บๆ รายวันในหน้าข่าวบันเทิง เมื่อปี 2556 มีการกล่าวหาอ้างว่า ยกพวกไปทำร้ายในที่สาธารณะ จนกลายไปสู่การฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท ที่ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถเจรจาตกลงในกันได้ คดียืดเยื้อกว่า 2 ปีเต็ม
จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2558 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ หนิง ปณิตา เป็นฝ่ายชนะคดี โดยอีกฝ่ายสั่งโทษจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 100,000 บาท แต่มีการลดโทษลงมา 1 ใน 4 พร้อมกับให้ลงอาญาโทษจำคุกไว้ 2 ปี เพราะไม่เคยต้องโทษมาก่อน แต่ทั้งนี้คดีดังกล่าวยังไม่จบ ไฮโซน้ำหวาน ยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ ทำให้เรื่องนี้ยังคงคาราคาซังอยู่ถึงทุกวันนี้
คดีลิเดีย ศรัณย์รัชต์ กับ หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม
นี่คงเป็นอีกหนึ่งคดีสุดสะท้านในวงการบันเทิง และถือเป็นคดีอุทาหรณ์เตือนใจ..นักพูดฝีปากกล้าหลายๆ คนด้วย เมื่อดาราสาว "ลิเดีย ศรัณย์รัชต์" เดินหน้าฟ้องร้องหมอดูชื่อดัง "หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม" ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ผ่านรายการโทรทัศน์ เมื่อปี 2551 ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กลายเป็นคดีฟ้องร้องที่ยืดเยื้อกว่า 2 ปี
ในปี 2553 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก 8 เดือน ปรับ 100,000 บาท แก่ "หมอกฤษณ์" ที่ทำนายในลักษณะหมิ่นดาราสาวคู่กรณี แต่มีการลดโทษลงมา 1 ใน 4 พร้อมกับให้ลงอาญาโทษจำคุกไว้ 2 ปี เพราะไม่เคยต้องโทษมาก่อน โดยมีการยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ กระทั่งไม่กี่วันต่อมา ทั้งสองฝ่ายก็นัดเจรจาจะตกลงกันได้ สาวลิเดีย เรียกค่าเสียงหายและลงข้อความขอโทษผ่านทางหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นเวลา 3 วัน
คดีโพสต์รูปเบียร์
ถือได้ว่าเป็นบทเรียนใหม่ของสังคม เมื่อประเด็นดราม่าเริ่มต้นจาก..รูปถ่ายไลฟ์สไตล์ของดาราคนดังกล่าว โพสต์รูปถ่ายมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว แต่ถูกเผยแพร่ออกไป เพราะเป็นศิลปินดารา ทำให้มีคณะกรรมการเข้าตรวจสอบ พร้อมชี้ชัดว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีดาราคนดังราวๆ 20-30 คน เข้าข่ายความผิดนี้
ประเด็นนี้ทำให้เกิดความตื่นตัวในสังคม ที่ส่วนใหญ่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นความผิด ขณะที่ดาราคนดังราวๆ 20-30 คน ต้องเข้าชี้แจงต่อกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคดีดังกล่าวมีรายงานว่าจะดำเนินการส่งให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่กระทั่งเวลาผ่านไป ประเด็นดังกล่าวนี้ก็ได้เลือนหายไป โดยที่ยังไม่มีความแน่ชัดในส่วนของการดำเนินคดีกับดาราคนดัง