กองกำลังที่ 3 น้ำหนัก ความน่าเชื่อถือ ..?

กองกำลังที่ 3 น้ำหนัก ความน่าเชื่อถือ ..?

กองกำลังที่ 3 น้ำหนัก ความน่าเชื่อถือ ..?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(ภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์)

ต้องยอมรับว่า การออกมาจุดประเด็นของ บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้ประเด็น กองกำลังที่ 3 เป็นประเด็นที่ยึดพื้นที่ข่าว ยึดประเด็นคอการเมือง ยิ่งเป็นเวทีประเภท สภากาแฟด้วยแล้ว รับรองประเด็นที่ บิ๊กจิ๋วจุดพลุไปเมื่อวันอาทิตย์ ยึดหัวคอการถกเถียงไว้ทุกสภา ทุกโต๊ะกาแฟเป็นแน่แท้ แม้กระทั่ง บรรดาคอลัมนิสต์ สื่อกระแสหลัก ยังต้องลงมาตั้งวงถกเถียงกันในประเด็นนี้

การออกมาประกาศ ว่าได้มีการจัดตั้ง กองกำลังที่ 3 โดยเปิดโครงสร้างชัดเจนว่ามีใครบ้าง แถมยังบอกทำมาแล้ว 3 ปี มีกองกำลังถึง 21 ล้านคนที่เป็นแนวร่วม...ไม่ธรรมดา เหมือนกับหลายคนตั้งข้อสังเกต

ไม่ธรรมดาที่นี้ หมายถึงเรื่องนี้ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่เป็นกระแสเป็นประเด็นให้ได้พูดคุยกันในสังคม ในบรรดาคอการเมือง นักติดตามสถานการณ์เป็นแน่แท้ และเท่าที่ติดตามฟังความหลายๆด้าน ก็มีทั้งคนที่เย้ยหยัน คนที่มองว่าเป็นกลเล่ห์ ที่ไม่อาจมองข้าม บ้างก็มองว่าเป็นความเลอะเทอะของคนแก่ที่หลงอดีต

บ้างก็มองว่า เป็นการเดินเกมที่สอดคล้องรับไม้ต่อจาก ทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศ โดยล่าสุดมีการเคลื่อนไหวอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อเขย่า คสช.อย่างต่อเนื่อง และมองไปถึงว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงยิ่งขึ้นๆ

อย่างไรก็เราลอง มองประเด็นที่บิ๊กจิ๋ว จุดพลุดูว่า มีความน่าเชื่อถือ และมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใดกัน เป็นข้อมูลไว้มองทิศทางกันในวันข้างหน้า

บิ๊กจิ๊ว ให้เหตุผลว่า ได้มีการจัดตั้งกองกำลังที่ 3 แล้ว โดยทำมา 3 ปีแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของสังคมหาทางออกให้ประเทศ...

วันนี้ พ.ศ.นี้ คือ ปี 2559 นับย้อนหลังไป 3 ปี ก็ประมาณปี 56 นั้น คือ ช่วงที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเป็นรัฐบาลอยู่ พรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรครัฐบาลอยู่ ยังไม่มี คสช. เพราะการเกิดรัฐประหาร คสช. เกิดเมื่อ 22 พ.ค.57 ผ่านมายังไม่ถึง 2 ปี

ดังนั้น ความขัดแย้งที่ บิ๊กจิ๋ว พูดถึง หมายถึงความขัดแย้งของใคร...?

ขณะนี้ได้จัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 (Third Force) โดยตั้งมาแล้ว 3 ปี ซึ่งไม่ใช่กองกำลังที่ติดอาวุธ แต่เป็นกองกำลังที่ประกอบด้วยผู้ที่มีความคิด ความรู้ในการแก้ปัญหาบ้านเมืองมารวมตัวกันเพื่อระดมความคิดช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้คนไทยเลิกฆ่ากันเอง และไม่มองทหารเป็นศัตรู โดยกองกำลังดังกล่าวมีแนวร่วมประกอบด้วยชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ชาวไทยใหม่อีกจำนวนหลักแสนคน ประชาชนที่มีฐานะยากจนมากกว่า 10 ล้านคน ประชาชนจากภาคใต้และผู้ที่วางอาวุธแล้วประมาณ 200,000-300,000 คน

"สำหรับภารกิจหลักที่จะทำคือให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เข้าไปสลายทุกสีเสื้อ ซึ่งการตั้งกองกำลังครั้งนี้ไม่กังวลและไม่คิดว่าต้องพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นการช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่การรบ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการพูดคุยกับผม ผมก็ยินดีช่วยเสริมการทำงานของผู้ควบคุมประเทศ"

ในช่วงนั้นความขัดแย้งหลัก คือ พรรคเพื่อไทย บวกกับกลุ่มแนวร่วม นปช. กับคู่ขัดแย้งคือนักศึกษาประชาชน และกลุ่มบางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้บังเหียนของ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ ที่เรียกกันว่า กปปส.

ทำไมในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งนั้น เราไม่เคยได้ยินว่า บิ๊กจิ๋ว จัดตั้งกองกำลังที่ 3 ขึ้นมา เพื่อจะสลายความขัดแย้งของสังคม.. บิ๊กจิ๋วหายไปใหน...?

ความขัดแย้งหลักในขณะนั้น คือประชาชนไม่ยอมให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนิรโทษกรรมสุดซอยล้างมลทินให้กับพี่ชายตัวเอง หรือนายใหญ่ของ นปช.ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร บิ๊กจิ๋ว แสดงบทบาทต่อความขัดแย้งของสังคมในขณะนั้นอย่างไร...?

วันนี้ทำไม บิ๊กจิ๋ว ถึงกับ ออกมาประกาศว่ามีกองกำลังถึง 21 ล้านคน..พร้อมจะช่วยคิดแก้ปัญหาบ้านเมือง...แก้ปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมือง การจงใจประโคม ตัวเลข และ ใช้คำว่า กองกำลัง เป็นความจงใจอะไรบางอย่างหรือไม่ ...? ทำไมต้องผู้โยงประเด็น เพื่อให้คนไทยเลิกฆ่ากันเอง และไมมองทหารเป็นศัตรู ?

อย่างไรก็ตาม วันนี้ถามว่าจำนวนตามที่อ้างว่าเป็นกองกำลังนั้น มีความเป็นได้มากน้อยเพียงใด...เชื่อว่า บรรดาคอการเมือง คงต้องส่ายหัว มองไม่ออกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร อย่าว่าแต่หน่วยงานด้านความมั่นคงเลย ดังนั้น น้ำหนักความน่าเชื่อถือของเรื่องจำนวนที่มีอยู่จริง เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักน้อยมาก เป็นการทำสงครามจิตวิทยาเสียมากกว่า

ส่วนประเด็นว่า เรื่องนี้มีความหวังดีต่อบ้านเมืองจริง หรือ จงใจขย่ม คสช. บรรดานักวิเคราะห์ เซียนการเมืองมีการสังเคราะห์กันมาพอสมควร และก็เป็นประเด็นที่น่าติดตามต่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นนี้จะเป็นประเด็นต่อเนื่อง เป็นกระแสการเมืองต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ..แต่ส่วนตัวแล้ว เห็นว่า ...ประเด็นน่าจะไปต่อได้ไม่นาน...

โดย...เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook