แชร์ว่อน! นักท่องเที่ยวชาวลาว ถูกแท็กซี่ป้ายดำทำร้ายจี้ชิงเงิน

แชร์สนั่น ภาพชาวลาวถูกแก๊งรถแท็กซี่ป้ายดำ บังคับขึ้นรถออกไปนอกเมือง ถูกทำร้ายร่างกายพร้อมบังคับเอาเงินสดไป 6,000 บาท ขณะที่เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยแต่ไม่ได้รับการแก้ไข

จากกรณี มีผู้ใช้เฟสบุคชื่อ"บุญฑริกา กำนันป๋อม จัยสิน" ได้โพสต์ ภาพชายลักษณะใบหน้าปูดบวมมีรอยช้ำตามร่างกาย แจ้งว่าเป็นคนลาว ชื่อ ท้าวพอนสัก อายุ 29 ปี ราษฎร บ้านห้วยเต่า เมืองปากบ้อง แขวงจำปาสัก  ถูกแก๊งรถแท๊กซี่ป้ายดำ พาขึ้นรถออกไปนอกเมือง พร้อมบังคับเอาเงินสด ไป 6,000 บาท พร้อมซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ และนำไปทิ้งนอกเมือง

ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บไม่กล้าไปแจ้งความเพราะถูกขู่ฆ่า โดยคนร้ายมีทั้งหมด 2 คน ใช้รถเก๋ง สีดำเก่าๆ จำทะเบียนไม่ได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.59 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสการแชร์ภาพ และ ข้อความอย่างแพร่หลายถึงความอุกอาจที่เกิดขึ้นในตัวเมืองอุบลราชธานี

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง บริเวณด่านถาวรช่องเม็ก พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวลาวเข้ามาแจ้งเรื่องจริง แต่ได้กลับออกไปประเทศลาวแล้ว แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของทางการลาวว่า ตนเองเข้ามาประเทศไทยโดยถูกต้องโดยใช้พาสปอร์ต เพื่อไปเยี่ยมญาติที่ กรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 13 มี.ค.59 เวลา 15.00 น. ได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ

จากนั้น มาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารเฉลิมพระเกียรติ อุบลราชธานี ในเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 14 มี.ค. 59 โดยรถที่ทัวร์ได้เข้ามาจอดบริเวณชานชาลาขาเข้า เมื่อลงจากรถได้มีกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำมาชักจูงบอกว่าจะไปส่งที่ด่านช่องเม็กราคาเหมา หลังจากที่ออกจากสถานีขนส่งมาได้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร แต่ไม่รู้เส้นทางว่าอยู่จุดไหนซึ่งเป็นที่เปลี่ยว

จากนั้นคนขับรถที่มาด้วยกัน 2 คนก็สอบถามว่ามีหนังสือเดินทางหรือไม่ เมื่อนายพอนสักเอาให้ดู ทั้ง 2 คนก็เข้าทำร้ายพร้อมทั้งเอาเงินไป 6,000 บาท ก่อนจะนำตัวมาส่งก่อนถึงตู้ยามห้วยหลวง สภ.ช่องเม็ก 3 กิโลเมตร 

หลังจากที่มีการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวในโลกออนไลน์ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ วัฒหฤทัย สารวัตรตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้เข้าขอข้อมูลพร้อมกับขอให้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของลาว ได้ติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของลาวได้รับปากและจะติดตามตัวมาให้แจ้งความยัง สภ.เมืองอุบลราชธานี ท้องที่เกิดเหตุ โดยเร็ว

ด้านการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และ หาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะรู้ตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอให้ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีก่อน