พ่อหนุ่มขับเบนซ์ เผยลูกยังเจ็บขออย่าเพิ่งพูดเรื่องคดี

พ่อหนุ่มขับเบนซ์ เผยลูกยังเจ็บขออย่าเพิ่งพูดเรื่องคดี

พ่อหนุ่มขับเบนซ์ เผยลูกยังเจ็บขออย่าเพิ่งพูดเรื่องคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจแจ้งข้อหา หนุ่มขับเบนซ์ พร้อมสอบปากคำครั้งแรกแล้ว ยันผู้ก่อเหตุไม่ได้มึนเมาขณะขับขี่ ทางด้านพ่อ เผยลูกบาดเจ็บที่หัวเข่ารอดูต้องผ่าตัดหรือไม่ แพทย์กำลังเช็กสมอง ยังไม่พร้อมพูดเรื่องคดี

พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เพื่อเข้าแจ้งความกับ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ป้ายทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งเข้าชนรถ 2 นักศึกษาปริญญาโท ไฟคลอกจนเสียชีวิต บนถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 53 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาแจ้งข้อหากับ นายเจนภพ ในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมสอบปากคำในรายละเอียดเป็นครั้งแรก ซึ่งภายหลังจากเห็นคลิปเหตุการณ์ค่อนข้างยืนยันชัดในพฤติการณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจนโดยทางตำรวจค่อนข้างมีพยานหลักฐานแน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ยืนยันก่อนหน้านี้ มีการเดินทางมาพบผู้ก่อเหตุตั้งแต่วันแรก แต่เนื่องจากยังอยู่ในห้องไอซียูทำให้ไม่สามารถสอบปากคำได้ สำหรับประเด็นที่สังคมสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุจะมีแอลกอฮอล์ หรือไม่นั้น ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุทางผู้ต้องหาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบปากคำในรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายเจษฎา วีรพร บิดาของ นายเจนภพ วีรพร ผู้ขับรถเบนซ์หรู ชนท้ายรถเก๋งจนไฟลุกท่วม ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เปิดเผยว่า วันแรกหลังจากเกิดเหตุ ได้ให้เพื่อนเข้าไปพบกับญาติผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากตนติดธุระที่จังหวัดภูเก็ต และต้องดูแลลูกชายที่บาดเจ็บที่ห้องไอซียู โดยได้ไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพในคืนแรก รวมถึงขอขมากับญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งในวันดังกล่าวมีโอกาส

พูดคุยกันเบื้องต้น ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิต ยังฝากความเป็นห่วงถึงลูกชายของตนด้วย รวมถึงไม่ต้องเป็นห่วงและขอให้หายจากการบาดเจ็บโดยเร็ว

ส่วนอาการล่าสุด ยังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ไม่ทราบต้องมีการผ่าตัดหรือไม่ รวมถึงทีมแพทย์กำลังตรวจเช็กสมองว่ามีอาการปกติร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากลูกชายจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยในเรื่องของคดีความ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยังมีความเสียใจอยู่ ซึ่งภายหลังจากนี้จะมีการพูดคุยเพื่อให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ นายเจษฎา ยังเปิดเผยว่า ได้เห็นข้อมูลที่แชร์ในสังคมออนไลน์แล้ว ซึ่งบางข้อมูลไม่เป็นความจริง เช่น รถยนต์ก็ไม่ใช่รุ่นที่ลูกชายเคยใช้ แต่ยอมรับว่าลูกชายเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว 2 - 3 ครั้ง ซึ่งใครที่ขับรถมาคงทราบดีว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่อยากให้สังคมซ้ำเติมกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ตนและครอบครัวพร้อมดูแลอย่างเต็มที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook