เปิดชีวิตนักแสดงเด็ก "ชาร์เลท" กับหัวใจการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่
เราต้องส่งเสริมการช่วยเหลือคนอื่น การทำความดีทุกคนอาจจะไม่เห็นแต่เราเห็นว่านั้นคือความดี ถึงเราจะชนะใจใครไม่ได้แต่เราชนะใจตัวเองโดย ชาเลท วาศิตา
"เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เด็กคืออนาคตของชาติ"
คำปลูกฝังเหล่านี้เชื่อว่าเรามักจะได้ยินเสมอของช่วงชีวิตวันเด็ก เพราะเด็กนั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์จะเติบโตมาอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและปลูกฝังของผู้ปกครองที่อบรมเลี้ยงดู "ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา" นักแสดงเด็กที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในหน้าจอทีวี และตอนนี้ก็กำลังมีผลงานละคร "วัยแสบสาแหรกขาด" กับบทบาท "ตังเม" เด็กน้อยที่มีปัญหาชอบทำร้ายร่างกายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งนั่นก็คือพาร์ทการแสดง
แต่ในชีวิตจริงนั้นน้อยนักที่หลายคนจะรู้ว่าสาวน้อย "ชาร์เลท" แม้จะเป็นเด็กลูกครึ่งแต่ก็ถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูให้รู้จักการเป็น "ผู้ให้" จากครอบครัวอย่างสม่ำเสมอและจากการเป็นผู้ให้ของสาวน้อยชาเลทนั้นจึงทำให้ Sanook News! ต้องนำตัวเธอมาพูดคุยแบบหมดเปลือก เด็กน้อยวัยเพียงสิบขวบแต่มีจิตใจการให้ที่ยิ่งใหญ่ด้วยการบริจาครายได้จากการแสดงบางส่วนของตัวเองเพื่ออุปถัมภ์เด็กที่ขาดโอกาสจนจบมัธยมศึกษาถึงสองคน
"หนูให้รายได้กับเด็ก 2 คน คนนึงจบ ม.3 แล้วค่ะ อีกคนกำลังเรียนอยู่หนูทำมาตั้งแต่หนูเด็กๆ ประมาณ 4-5 ขวบ หนูกับคุณแม่เปิดดูโซเชียลก็เห็นแบบคนบ้านถูกไฟไหม้ หนูเลยแบบรู้สึกน่าสงสารจังเลยไม่มีเสื้อผ้าหนูก็เลยบริจาคเสื้อผ้าให้เขา อย่างเช่นเห็นหมาแมวโดนทำร้ายเป็นโรคต่างๆ เราก็เลยบริจาคเงินอาหารหมาแบบนี้ค่ะ
ส่วนเรื่องให้รายได้กับเด็กคุณแม่ก็ไม่ได้ชักชวนแต่คุณแม่พูดเหมือนว่าดูคนนี้เขาเป็นอะไรเนี่ย แล้วหนูก็ดูกับแม่แล้วคิดว่าเราพอจะช่วยเขาได้มั้ย มันเริ่มต้นจากชาเลทอยากช่วยชาเลทบอกคุณแม่ว่าชาเลทอยากช่วย คุณแม่ก็เลยบอกถ้าอยากช่วยเดี๋ยวมาม๊าช่วยให้ คนที่จบ ม.3 ชาเลทช่วยตั้งแต่อยู่ประถมอีกคนกำลังเรียน ม.3 ไม่รู้ว่าอยากเรียนต่อมั้ยถ้าเขาอยากเรียนปริญญาเอก ปริญญาโท ชาเลทก็จะช่วยค่ะ"
สาวน้อยชาร์เลทเริ่มเปิดบทสนทนาถึงที่ไปที่มาของการเป็นผู้ให้ของตัวเอง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสพร้อมเล่าต่อว่าการรู้จักเป็นผู้ให้ของเธอนั้นได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์
"ตั้งแต่เด็กคุณแม่สอนให้ใส่บาตร ใส่บาตรก็จะสอนเรื่องการให้ แล้วก็สวดมนต์ทุกคืนสวดมนต์ให้คนอื่น สัพเพ สัตตา แผ่ส่วนบุญไปให้คนอื่นคุณตาคุณยายชอบเข้าวัดทำบุญพี่ก็ทำทุกคนก็ทำ ครอบครัวหนูมีคุณพ่อที่ร่าเริง คุณตาก็ใจดี คุณย่าก็เข้าใจ พี่ก็แกล้งกัน แม่ก็ดูแลค่ะ เรารู้สึกว่าครอบครัวนี้ดีเราควรใช้เวลาตั้งแต่เด็กจนโตที่จะอยู่กับครอบครัวให้ดีที่สุด แล้วถ้าเราเสียมันไปเราเอาคืนไม่ได้"
ความสุขของ 'ชาร์เลท' ในการเป็นผู้ให้
สาวน้อยชาร์เลทคนนี้ทำให้เรารู้สึกทึ้งกับความคิดเพราะเด็กวัยเพียงสิบขวบนอกจากจะรักการเป็นผู้ให้แล้วนั้น เธอก็ยังสอดแทรกเรื่องจิตสำนึกที่ดีต่อส่วนรวมซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเด็กจะเติบโตมาอย่างไรการเลี้ยงดูของครอบครัวนั้นคือหัวใจสำคัญ
"เราเห็นคนอื่นมีความสุข เราจะไม่มีความสุขได้ไงเราก็ต้องมีความสุขสิ สมมติว่าเรามีของเล่นชิ้นนึงเราเอาไปให้คนอื่น ก็เหมือนกับว่าให้คนนั้นดูแลของๆ เรา ให้เขาอยู่กับของเล่นของเรา ไม่ใช่ว่าเราเอาไปทิ้งมันก็ไม่มีคนเล่น แล้วถ้าเราเอาไปให้เด็กที่เขาอยากมีของเล่นเขาจะรู้สึกเหมือนว่า มีคนเอาของเล่นมาให้เราด้วยเราสัญญานะจะดูแลอย่างดี ถึงเราจะไม่อยากเสียมันไปแต่มันก็ดีกว่าเอาไปทิ้งถังขยะค่ะ
หนูไม่รู้ว่าเด็กคนไหนที่คิดแบบหนู ถ้าใครคิดแบบหนูก็ขอให้คิดแต่สิ่งที่ดีๆ คิดในสิ่งที่เป็นคุณไม่ใช่คิดแต่สิ่งที่ทำให้คุณตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เราต้องส่งเสริมช่วยเหลือคนอื่น ความดีทุกคนอาจจะไม่เห็นแต่เราเห็นว่านั้นคือความดีถึงเราจะชนะใจใครไม่ได้ แต่เราชนะใจตัวเองได้เพราะว่าฉันทำความดี เวลาชาเลททำสิ่งไม่ดีชาเลทจะหยุดทำทันที ชาเลตจะรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วชาเลทก็จะเลิกทำเลยค่ะ"
'ชาร์เลท' สาวน้อยที่เกิดมาเพื่อการแสดง
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากเรื่องการใจรักในการเป็นผู้ให้ของสาวน้อยชาเลทแล้วนั้น ความสามารถทางการแสดงของชาเลทนั้นต้องยอมรับว่าเป็นนักแสดงเด็กที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะละครที่เธอรับเล่นนั้นตีบทแตก
"มันยากนะคะกับการที่ต้องเล่นอะไรเกินตัว เพราะมันไม่ใช่ชีวิตเราแต่เราต้องไปแสดงชีวิตนั้น เราต้องคิดว่าเราเป็นคนนั้น สมมติว่าเด็กคนนั้นชื่อตังเม ต้องสวมบทว่าฉันคือตังเม ตังเมเป็นยังไง เราต้องหาว่าตัวละครนี้ว่าเขาเป็นยังไงบ้างแล้วเราลองปรับความเข้าใจค่อยๆเข้าใจว่า คนนี้ต้องการอะไรแล้วเราก็จะเข้าใจกับมัน พี่ๆนักแสดงให้คำแนะนำ ส่วนคุณแม่ก็สอนว่าเราต้องเล่นมาจากตัวเราจริงๆ เราเป็นตัวละครนั้นไม่ใช่ตัวเราเอง"
เทคนิคเล็กๆ ที่ชาร์เลทเผยออกมาถึงการแสดงที่เธอใช้ประจำ ก่อนจะเล่าย้อนกลับไปถึงเส้นทางเข้ามาสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุสามขวบและทิ้งท้ายแง่คิดผลงานละครล่าสุดของตัวเองถึงผู้ปกครองได้อย่างน่าคิด
"ตอนหนูเด็กๆ หนูเห็นพี่หนูไปแคสงานโฆษณา แล้วเหมือนกับพี่สาวหนูเป็นคนไม่ชอบแสดงละคร เขาก็เลยแบบไม่เอาได้ไหมคะ พอเขาเห็นหนูเขาเลยให้ดูลองไปแคส แล้วหนูก็ได้งานโฆษณาเรื่อยๆ และก็มีละครมาติดต่อมาหนูก็เลยแบบละครคืออะไรหรอคะ เขาก็เลยให้หนูอ่านบทคืออะไรเต็มไปหมดเลยเนี่ย เขาก็เลยแบบอยากได้น้องคนนี้ มันเป็นบทที่เป็นตัวเราอยู่แล้ว แม่หนูก็เลยถามว่าเขาติดต่อมาจะเอามั้ยหนูก็เลยบอกเอาค่ะๆ
เรื่องแรกที่ไปถ่ายก็ได้เล่นกับ พี่ชมพู่ พี่เคน ธีรเดช เรื่องวิวาห์ว้าวุ่น หนูเห็นพี่ชมพู่แบบโหพี่เขาสวยมากเลย จะเดินเข้าห้องน้ำก็เขินพี่เขา หลังจากนั้นชาเลทก็มีละครต่อมาก็คือ ดอกส้มสีทอง ก็เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก เล่นเป็นบทร้าย หนูก็แบบต้องทาตัวดำด้วย จะทำยังไงดี เป็นร้ายเรื่องแรกเอาก็เอา เรื่องต่อมาคือเรื่องข้าวนอกนา ก่อนเรื่องข้าวนอกนา ชาเลทประทับใจอยู่เรื่องนึงคือเรื่องมือปราบพ่อลูกอ่อน เล่นกับพี่หนุ่ม (ศรราม เทพพิทักษ์) พอได้คุยกับพี่เขาพี่เขาใจดีจังเลยค่ะและพี่หนุ่มก็เป็นไอดอลของชาเลทด้วยค่ะ"
และชาร์เลทฝากละครเรื่องวัยแสบสาแหรกขาด ชาเลทอยากให้ผู้ปกครองดูค่ะ อยากให้ผู้ปกครองดูว่าเด็กๆ ในสังคมไทยเป็นแบบนี้จริงๆ อยากให้ดูแล้วหันกลับมาดูเด็กในสังคมไทย หันมาแก้ไขก่อนที่สังคมมันจะเลวร้ายลง ให้สังคมดีขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น บทของชาเลทเป็นเด็กที่กรีดข้อมือตัวเอง เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่สนใจ โดนบ้านใหญ่กดดันว่าลูกเมียน้อย เป็นเด็กที่มีความเก็บกดเลยต้องเรียกร้องความสนใจจากแม่โดยการทำร้ายตัวเองค่ะ"
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ