หม่อมปนัดดา อาสาเป็นกาวใจ ลุยเคลียร์ แม่ประนอม-ลูกสาว พูดคุยหาข้อยุติปัญหา

หม่อมปนัดดา อาสาเป็นกาวใจ ลุยเคลียร์ แม่ประนอม-ลูกสาว พูดคุยหาข้อยุติปัญหา

หม่อมปนัดดา อาสาเป็นกาวใจ ลุยเคลียร์ แม่ประนอม-ลูกสาว พูดคุยหาข้อยุติปัญหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อาสาเป็นกาวใจให้ นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมชื่อดัง กับบุตรสาว ว่า ได้รับรายงานหลังจากที่นางประนอมเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาลเพื่อขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว

ทางศูนย์บริการก็มีความยินดีหากจะช่วยพูดคุยได้แต่เรื่องที่สำคัญ คือเป็นเรื่องระหว่างสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องการให้เป็นเรื่องของคุณแม่ประนอมกับบุตรสาวของท่านให้ได้ตกลงกันในชั้นต้น และมาพูดคุยกันที่ศูนย์บริการประชาชนก็เป็นความยินดีหากจะเกิดภาพดังกล่าวนั้นขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งสองคนจะต้องมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานในส่วนดังกล่าวอยู่ หากมีความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบพบว่า คดีที่ นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาตรา "แม่ประนอม" บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ยื่นฟ้อง นางศิรพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก คดีอาญา นางประนอม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต นายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนายศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร , ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265,267,268, 137, 341 ประกอบมาตรา 83

คำฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 -26 ธันวาคม 2557 จำเลยทั้งที่ 1-3 ร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี ว่ามอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 3 ได้ไปแจ้งกับเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้จำเลยที่ 1 การกระทำนั้นทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ภายหลังมีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว ศาลจังหวัดนครปฐม จึงมีคำสั่งวันที่ 16 กันยายน 2558 ให้ประทับรับฟ้องเฉพาะนางศิริพร บุตรสาวคนโตจำเลยที่ 1 และ นายกำธร จำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264 , ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265 , ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341

แต่ความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอายามาตรา 137 ความผิดทั้งสอง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจฟ้องจำเลยทั้งสาม ในความผิดทั้งสองฐานนี้ได้ จึงให้ประทับรับฟ้องเฉพาะมาตรา 264, 265, 268 และ 341

ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 3 กระทำผิดตามฟ้องจึงให้ยกฟ้อง

แต่ภายหลังนางประนอม โจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เบื้องต้นศาลวินิจฉัยเห็นว่าโจทก์ได้มอบอำนาจจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง แต่ต่อมานางประนอมโจทก์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 4 เมษายนนี้

ส่วนที่ 2 คดีแพ่ง นางประนอม และนางสาว ศิริวัลย์ แดงสุภา อายุ 53 ปี บุตรสาวคนที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางศิริพร บุตรสาวคนโต และนายสุชาติ สามีของนางศิริพร เป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ความผิดเรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโดยคืนทรัพย์ และเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์รวม 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มีนาคม 2558 ถัดจากวันฟ้องคดี

รวมทั้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน ต.หลักสอง อ.ภาษีเจริญ เป็นที่ตั้งโรงงานบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนางประนอมและนายศิริชัย สามี และให้จำเลยทั้งที่ 1-2 โอนหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด คืนให้กับโจทก์ที่ 1-2 และกองมรดกของนายศิริชัย สามีด้วย

โจทก์ยื่นฟ้องระบุว่า ศาลจังหวัดตลิ่งชัน มีคำสั่งแต่งตั้ง นางประนอม โจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี กระทั่งเมื่อเดือน มีนาคม 2558 โจทก์ที่ 1 ไม่ไว้วางใจพฤติกรรมของจำเลย จึงให้ทนายตรวจสอบทรัพย์กองมรดกทั้งหมด ต่อมาพบว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจโจทก์เพื่อโอนที่ดิน 11 แปลงในจ.นครปฐม และที่ดินเขตภาษีเจริญ กทม. ที่เป็นทรัพย์กองมรดกไปเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยโจทก์ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสอง และผู้เกี่ยวข้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม

ซึ่งโจทก์ไม่มีเจตนาจะโอนที่ดินให้จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะจะแบ่งทรัพย์สินให้กับทายาทกองมรดกทุกคน และยังพบว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม ยังได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมดโดยตัดชื่อนายศิริชัย แดงสุภา สามีโจทก์ที่ 1 และชื่อของโจทก์ทั้งสองออกจากผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อจำเลยที่ 2 กับบุตรของจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน ทั้งที่โจทก์ทั้งสองและนายศิริชัย ไม่เคยโอนหุ้นบริษัทให้กับจำเลยที่ 2 และบุตร ดังนั้นจำเลยทั้งสอง จึงมีหน้าที่โอนหุ้นคืนให้กองมรดก และโจทก์ทั้งสอง รวม 38,550หุ้น

โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 558/2558 ต่อมานางประนอม ขอถอนฟ้องคดี ต่อมาขอเพิกถอนการถอนฟ้อง โดยอ้างว่าไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ศาลนัดไต่สวนวันที่ 11 เมษายนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook