สาวเซ็งถูกพ่นสีรถด่าหยาบ ลั่นไม่เคยแย่งแฟนใคร-สงสัยทำผิดคัน

สาวเซ็งจอดรถตลาดนัดรถไฟ 2 ชั่วโมง กลับมาถูกพ่นสีรถด่าหยาบรอบคัน ลั่นไม่เคยแย่งแฟนใคร สงสัยจะทำผิดคัน

(28 มี.ค.) สังคมออนไลน์แชร์ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pinyapat Ming Peemmetasawad ได้โพสต์ภาพและข้อความแชร์ประสบการณ์สุดเซ็ง หลังถูกมือดีใช้สีสเปรย์พ่นคำด่าหยาบคายรอบรถ ขณะนำไปจอดไว้ที่ลานจอดรถที่ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ เวลาประมาณ 20.00 น. เมื่อเดินกลับมาเวลาประมาณ 22.00 น.พบว่ารถยนต์ของตนเองถูกสเปรย์สีดำพ่นเป็นถ้อยคำด่าทอในเชิงชู้สาว พร้อมกับกระดาษที่มีข้อความข่มขู่

ผู้โพสต์ยังระบุอีกว่า ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยแย่งแฟนใครแน่นอน ไม่เคยใช้ผู้ชายเปลือง แค่คนเดียวยังไม่มีด้วยซ้ำ คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะจำผิดคนหรือไม่ก็ทำผิดคัน จึงอยากให้แชร์ภาพออกไปเผื่อว่าคนทำจะเห็น ตอนนี้ตนไม่กล้าขับรถไปไหนเพราะกลายเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็น

นอกจากนี้เจ้าของเรื่องยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตลาดไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย

โดยล่าสุด หลังเรื่องราวถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ เจ้าของเฟซบุ๊ก Pinyapat Ming Peemmetasawad ได้โพสต์ข้อความชี้แจงดังนี้...

"ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ตอนนี้ก็เข้าใจเรื่องจะจับตัวคนทำคงยากมาก เพราะพยานแวดล้อมไม่มี (หรืออาจจะยังไม่พบ) แต่อย่างไรก็จะพยายามค่ะ อยากได้ความร่วมมือจากตลาดรถไฟศรีนครินทร์ในเรื่องนี้ มันไม่ใช่ความผิดของคุณแต่ก็น่าจะมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนกัน รถเราเข้าไปจอดในที่ของคุณ เป็นลูกค้าคนหนึ่ง ก็หวังจะได้รับความช่วยเหลือค่ะ

ใครพบเบาะแส คืนนั้นผ่านไปเห็นพอดี หรือเห็นข้อความบนรถว่ามีตั้งแต่เมื่อไหร่ อินบ๊อกซ์มาบอกได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอนนี้มีคนช่วยโพสต์ช่วยแชร์มากมาย ขอบคุณในความช่วยเหลือและความหวังดีจริงๆค่ะ ที่จริงก็ไม่ได้อยากให้เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ แต่ที่ตัดสินใจเอาเรื่องลงเฟซบุกเพราะคิดหลายอย่าง

- อยากได้ความร่วมมือจากตลาด
- เผื่อมีคนเห็นเหตุการณ์พอดี
- เผื่อมีคนที่พบเห็นวันนั้นแล้วเข้าใจผิด เกรงคนอาจจะไปลงกันแนว "เมียน้อยต้องเจอแบบนี้" คิดว่าแบบนั้นเสียหายมากกว่า เลยลงเองเล่าเรื่องราวตามความจริงที่เกิดขึ้น ถ้ารู้ว่าใครทำคงไม่เอามาลงค่ะ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ไม่เคยมีกรณีนี้กับใคร

โลกเราคงจะยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง อย่างน้อยขอบคุณทุกคนที่เห็นใจ ที่เข้าใจ และที่เชื่อในตัวเรานะคะ"