สาวถูกอดีตนักเพาะกายทีมชาติ ซ้อมน่วม กักขัง แฉชีวิตสุดขมขื่น กัดฟันคบหาหลังโดนขืนใจ

สาวถูกอดีตนักเพาะกายทีมชาติ ซ้อมน่วม กักขัง แฉชีวิตสุดขมขื่น กัดฟันคบหาหลังโดนขืนใจ

สาวถูกอดีตนักเพาะกายทีมชาติ ซ้อมน่วม กักขัง แฉชีวิตสุดขมขื่น กัดฟันคบหาหลังโดนขืนใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่โรงพยาบาลเพชรเวช ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) พร้อม พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก ร.ต.ท.หญิง พัชราภรณ์ รกน้อย รอง สว. (สอบสวน) สน.หัวหมาก และนพ.ชาตรี ตันติยวรงค์ ผอ.รพ.เพชรเวช เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมอาการพร้อมสอบปากคำ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ภายหลังถูกแฟนหนุ่มทรมานร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส

นางปวีณา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา มารดาของผู้เสียหายติดต่อเข้ามาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือให้ติดตามคดีหลังบุตรสาวถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยวจนบาดเจ็บสาหัส จึงประสานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางเข้าตรวจสอบก่อนทราบข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเป็นนักศึกษากฎหมายและฝึกงานอยู่ที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง เป็นบุคคลอุปนิสัยดี ขยันทำงาน และส่งเสียตัวเองเล่าเรียน ในช่วงเย็นจะหารายได้เสริมโดยการรับจ้างทั่วไป

นางปวีณา กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายรู้จักกับ นายเต่า ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง อายุประมาณ 37 ปี นักเพาะกาย เคยติดอดีตทีมชาติ ผ่านโปรแกรมบีทอล์ก ก่อนคุยกันได้ประมาณ 1 สัปดาห์

จากนั้นฝ่ายชายพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ชื่อดัง ซอยรามคำแหง 24 แยก 12 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ออกอุบายว่าจ้างให้ผู้เสียหายไปทำความสะอาดในห้องพัก จนกระทั่งทำงานใกล้จะแล้วเสร็จฝ่ายชายกลับใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ครั้งนั้นผู้เสียหายไม่กล้าเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อนสมยอมคบหาดูใจกัน

นางปวีณา กล่าวอีกว่า เมื่อคบหากันสักระยะฝ่ายชายมักมีอาการหึงหวงอย่างรุนแรง หลังออกมาจากฟิตเนส ชอบนั่งดื่มสุรา เมื่อเมามายจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ล่าสุดเมื่อเที่ยงของวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะผู้เสียหายทำงานอยู่ จู่ๆ นายเต่า โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย

แต่พอไม่ยอมรับ นายเต่าจึงบันดาลโทสะหลอกนัดให้ผู้เสียหายไปหาที่ห้องพักและใช้มีดสปาต้าฟาดเข้าที่ศีรษะจนเลือดอาบใบหน้า พร้อมทั้งต่อยเบ้าตาทั้ง 2 ข้าง และใช้บุหรี่จี้เบ้าตาซ้าย ทารุณกรรมทั่วร่างกายจนสลบ

เมื่อฟื้นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันที่ 24 มีนาคม พบว่ามือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และถูกกักขังอยู่แต่ในห้องพัก ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคมถูกทารุณกรรมใช้มีดสปาต้ายาวกว่า 1 ฟุต ฟันหน้าท้องแต่ผู้เสียหายพยายามดิ้นหลบหนีมาได้ มีเพียงรอยฟกช้ำความยาวของบาดแผลประมาณ 2 นิ้ว ก่อนทำร้ายร่างกายซ้ำรอยบาดแผลที่เดิมจนสลบอีก

นางปวีณา กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม นายเต่า ยังคงกักขังผู้เสียหายไว้ในห้องพักก่อนเดินทางออกไปทำธุระกับเพื่อน ผู้เสียหายจึงสบโอกาสพยายามคลานออกมาจากห้องพัก ก่อนขึ้นรถสองแถวหลบหนีมุ่งหน้าร้านคอมพิวเตอร์ในซอยถัดไป ก่อนแชตหาเพื่อนสนิทให้นำตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล จากนั้นได้ปรึกษากับมารดาให้แจ้งมูลนิธิปวีณาเพื่อช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน นพ.ชาตรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตามร่างกายของผู้เสียหายพบว่ามีบาดแผลร่องรอยฟกช้ำทั่วร่างกายอาการสาหัส บริเวณกะโหลกศีรษะแตกร้าว ปอดฉีก ซี่โครงหักข้างละ 3 ซี่ รวม 6 ซี่ และมีเลือดคั่ง ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องพักฟื้นดูอาการอีก 2-3 วัน หากไม่พบเลือดและลมออกมาจากสายไอซีดี สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ตามปกติ

พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ จากนี้หากมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดจะเดินทางไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส และกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นสูญเสียอิสรภาพ ส่วนข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นนั้นต้องสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook