3 อดีตตำรวจแถลงเปิดใจ เผยคลิปก่อนเกิดเหตุซ้อมนักศึกษา
3 อดีตตำรวจเปิดโต๊ะชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับผิดและขอโทษผู้เสียหาย แต่ปฏิเสธการยิง 3 นัดตามยุทธวิธี ไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (30 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.ที่ โรงแรมพิษณุโลกออคิด ถนนธรรมบูชา ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองฯ จังหวัดพิษณุโลก ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ อดีตผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก, ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ อดีตสังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก และ ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร อดีตสังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายชาญชัย ฉิมพานัง ทนายความ เปิดโต๊ะชี้แจง เกี่ยวกับกรณีทำร้ายนักศึกษาตามคลิปที่ปรากฏในข่าวที่ผ่านมา
ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ อดีตผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก เปิดการชี้แจงด้วยการนำกล่าวกราบขอโทษ ผู้เสียหายและพ่อแม่ผู้ปกครอง ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามทุกคน รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ตนเองพร้อมพวกได้ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียชื่อเสียง โดยทุกคนต่างรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในรุ่งเช้าวันเดียวกันทุกคนได้เข้าไปกราบขอขมาต่อผู้เสียหายและพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะสำนึกผิดที่ทำร้ายร่างกายนักศึกษาแล้ว แต่ก็มาถูกร้องเรียนในที่สุด
จากนั้น ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ อดีตผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก ได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมาถึงเหตุการณ์ในคลิปที่เป็นข่าว โดยได้ฉายภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด และทำภาพกราฟฟิคอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏให้เห็นว่ารถของนักศึกษาได้เบียดรถของตำรวจ ก่อนบริเวณเชิงสะพานสูงและได้ขับหลบหนีไปรอบตัวเมืองอย่างรวดเร็ว ตนเองและตำรวจจึงตัดสินใจขับรถติดตามไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้
ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนักศึกษาที่บอกว่าเกรงกลัว แต่เมื่อขับรถผ่านสถานีตำรวจก็ไม่เลี้ยวเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด และก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในคลิป ได้เรียกให้จอดแล้ว และเมื่อ ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ อดีตสังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก และ ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร อดีตสังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก ลงไปเรียกข้างรถ รถของนักศึกษาได้เฉี่ยวและขับรถหนีไป ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ จึงต้องขับติดตามไปคนเดียว ส่วนที่เหลือได้โทรแจ้งไปยังศูนย์วิทยุ 191 เพื่อให้ตำรวจสายตรวจเข้ามาช่วยเหลือติดตามจนมาถึงที่เกิดเหตุ
ขณะที่รถยนต์เลกซัสสีดำ ของบุคคลที่อ้างว่าพยาน ที่จู่ๆ ขับเข้ามาติดตามและบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ จากตรวจสอบทราบว่า พลเมืองดีดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับคนขับรถคันที่เป็นนักศึกษา ซึ่งระหว่างขับติดตาม รถเลกซัสสีดำได้เกิดการเฉี่ยวชนเล็กน้อย
ทั้งนี้ มีญาติๆ และเพื่อนร่วมงานของอดีตตำรวจจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจ และได้บอกว่ากับสื่อมวลชนว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถออกมาชี้แจงได้ ก็เนื่องมาจากยังอยู่ในสายบังคับบัญชา แต่เมื่อออกมาจากราชการแล้ว ก็อยากจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคม
โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนเหตุการณ์ในคลิปทั้งหมด เนื่องจากตำรวจมีความจำเป็นต้องหยุดรถยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และเป็นต้องสงสัยคันดังกล่าว เนื่องจากเฉี่ยวชนแล้วไม่หยุด ซึ่งหลังจากนี้จะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังคงมีหลักฐานอีกมากเตรียมเอาไว้และไม่หนักใจกับคดี และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล