“บ.เขาหกลูก” เปิดแจงโต้กลับ ลั่นแจ้ง ”ภูริ” กับพวกหมิ่นฯ
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 7 เมษายน ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา เจ้าของบริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทราบดีว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวนั้นมีปัญหาอยู่แล้ว และไม่อยากให้ปัญหาเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา จึงเดินทางไปที่ สภ.ถลาง เพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวันแสดงเจตนาว่า ต้องการเข้าไปในพื้นที่ของตัวเองตามสิทธิ์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร ก่อนเข้าไปพื้นที่
แต่สรุปว่าข่าวที่ออกมานั้นค่อนข้างรุนแรงว่า เอากองกำลัง ถือปืน และเครื่องจักรเข้าไป ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เราแค่เอาเครื่องมือเข้าไปถางหญ้าเป็นทางเดิน ต้นไม้ใหญ่ๆ ไม่ได้ตัดโค่น เพราะตนก็รักต้นไม้มาก และที่ตัดหญ้าก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเดินเข้าออกไปตรวจสอบอย่างสะดวก ที่บอกว่าจะใช้คำสั่งศาลและ ม.44 ระงับการดำเนินการนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งดังกล่าว เพราะตนได้สั่งการไม่ให้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เชิญเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนทุกคนสามารถเข้าไปดูพื้นที่ได้ตามสบาย
นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลังเกิดปัญหาขึ้นตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด โดยขอให้ตตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ทั้งสองฝ่าย และทราบว่าอีกฝ่ายก็ยื่นขอความเป็นธรรมในภายหลังที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำให้ตนตกเป็นผู้ถูกสอบเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
แต่หลังจากนั้นตนเองก็ร้องไปที่ดีเอสไอ จนได้รับคำตอบว่าจะมีการพิจารณาเอกสารสิทธิ์ที่ดินของทั้งสองฝ่าย ตนเองจึงรู้สึกดีใจ และยอมรับหากผิดก็ว่ากันไปตามกฏหมาย ขอยืนยันว่าทางตนนั้นไม่มีชายฉกรรจ์เข้าไปพื้นที่ มีเพียงคนงานที่เข้าไปถางหญ้าครั้งแรก 6-7 คน ทำงานเสร็จก็กลับล่าสุดเหลืออยู่บนเกาะเพียง 2-3 คน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีการใช้ สค.บินมาจากเกาะนาคาใหญ่มาใช้ออกเอกสารสิทธิ์นั้นตนไม่ทราบ เพราะตนเป็นผู้ซื้อต่อมาจากตระกูลท่อทิพย์ ตั้งแต่ปี 2557 เนื้อที่ 24 ไร่ในราคา 40 กว่าล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
"ยอมรับว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับ นายสุวิชชา 1 ใน 5 ทายาทของหิรัญพฤกษ์ ซึ่งรู้จักกันมา โดยนัดคุยกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยใจจริงคือไม่อยากให้มีปัญหากัน หากทางตระกูลหิรัญพฤกษ์ต้องการครอบครองที่ดินเกาะรายเดียวก็ยินดีขายให้ แต่ให้เสนอราคามา จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน"
"แต่หลังจากนั้นกลายเป็นข่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงหลายเรื่อง และประวัติของเกาะที่เผยแพร่ก็ไม่ตรงกับความจริง จึงคิดว่าต้องเสนอให้สาธารณชนรู้ ซึ่งที่สำคัญคือไม่ใช่เกาะของเขาคนเดียว แต่มันมีหลายเจ้าของ ซึ่งมีหลายคนที่เป็นชาวบ้านและอดีตกำนันที่มีอายุ 90 กว่าปี มาให้ข้อมูลยืนยันความเป็นเจ้าของและพร้อมไปชี้จุดที่เคยอยู่อาศัยด้วย"
นายชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีการโพสต์ข้อความทำให้เกิดความเสียหายคนจำนวนมากเกิดความไม่เข้าใจนั้น ตนจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้โพสต์ ซึ่งทราบว่าคือ นายภูริ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในวันที่ 8 เมษายน จะให้ทนายความเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท และอื่นๆ เพราะการโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตนและบริษัทเป็นอย่างมาก