หนุ่มญี่ปุ่นหวังเคลมประกัน หลอกแจ้งตำรวจถูกปล้น โดนข้อหาเต็มๆ
หนุ่มญี่ปุ่นวิ่งโร่แจ้งความ ถูกคนร้ายปล้นเกลี้ยงตัว ตอนขี่จักรยานเที่ยวชมเชียงใหม่ ตำรวจตามสืบแต่ไม่เจออะไร สุดท้ายยอมจำนน สารภาพกุเรื่องขึ้นมาเอง
(25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า นายฮิโระโนบุ อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่าถูกคนร้ายวิ่งราวชิงทรัพย์ ขณะขี่รถจักรยานเที่ยวชมเมืองกับ โดยที่มารดานั่งซ้อนท้ายไปด้วย เหตุเกิดหน้าตลาดบุญอยู่ คนร้ายได้ไปมีเครื่องแปลภาษา แท็ปเล็ต และกล่องสัญญาณไวไฟ
หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับการท่องเที่ยว แต่เมื่อไปสอบถามไปยังประชาชนและร้านค้าบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีเหตุชิงทรัพย์ ส่วนจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็ไม่พบว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงตามที่ นายฮิโระโนบุ แจ้งความเอาไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ นายฮิโระโนบุ พาไปยังโรงแรมที่พักในตัวเมืองเชียงใหม่ กลับพบว่าทรัพย์สินที่แจ้งว่าถูกคนร้ายขโมยไปนั้น ยังอยู่ภายในห้องพักที่โรงแรมครบทั้งหมด นายฮิโรโนบุ จึงยอมจำนนต่อหลักฐานและยอมรับว่าสร้างเรื่องโกหกเท่านั้น
ทั้งนี้ นายฮิโระโนบุ บอกว่า มีอาชีพขับรถส่งของในประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาประเทศไทยแล้วหลายครั้ง ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาเป็นครั้งที่ 2 เบื้องต้นถูกดำเนินคดีแจ้งความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ นายฮิโระโนบุ มีสีหน้าวิตกกังวลและเครียดทันที
ร.ต.อ.จารุวัฒน์ ใจสุบรรณ์ รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายรายอ้างว่าถูกชิงทรัพย์ แต่เมื่อไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบว่าโกหกและไม่คิดว่าจะมีกล้องวงจรปิด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจะทำประกันทรัพย์สินไว้ เพื่อต้องการนำหลักฐานการแจ้งความนำไปเบิกค่าประกันเมื่อเดินทางกลับประเทศ จนทำให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว