เปิดคำสั่งศาลคดี "น้องคาร์เมน" รักร่วมเพศมิใช่อุปสรรค
จากกรณีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำสั่งศาลตัดสินให้ นายกอร์ดอน เลค ชาวอเมริกัน มีอำนาจปกครอง ด.ญ.คาร์เมน เด็กที่เกิดจาก น.ส.ยลลดา แม่อุ้มบุญชาวไทย เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย และให้นายกอร์ดอนมีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายกอร์ดอน ได้ว่าจ่าง น.ส.ยลลดา ให้เป็นผู้ตั้งครรภ์ แต่หลังจากคลอด ด.ญ.คาร์เมน แล้ว น.ส.ยลรดา ไม่ลงนามยินยอมให้ ด.ญ.คาร์เมน ออกนอกประเทศ และต้องการเป็นผู้เลี้ยงดู
ส่งผลให้นายกอร์ดอนและคู่สมรส ดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อขอเป็นผู้ปกครอง ด.ญ.คาร์เมน โดย น.ส.ยลลดา ยื่นคัดค้าน จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นายกอร์ดอนเป็นผู้ชนะคดี
ล่าสุด กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม เผยแพร่เอกสารสรุปคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีเรียกร้องสิทธิเป็นผู้ปกครอง ด.ญ.คาร์เมน เลค ดังนี้
ศาลได้มีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ พ.1239/2558 หมายเลขแดงที่ พ.716/2559 ซึ่งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้เด็กหญิงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ในบทเฉพาะกาลมาตรา 56 มีเจตนารมณ์ให้ศาลใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้ผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน ก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีและภริยา ที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนตามสมควรแก่กรณีของแต่ละคดี
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพและประโยชน์สูงสุดของผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน ส่วนสามีหรือภริยาที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนผู้มีสิทธิยื่นคำร้องก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5
คดีนี้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นข้อยุติว่า ผู้ร้องเป็นผู้ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน โดยการถ่ายโอนตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างอสุจิของผู้ร้อง กับไข่ที่ได้รับบริจาคจากหญิงอื่นเข้าสู่โพรงมดลูกของผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นหญิงผู้รับตั้งครรภ์แทน
ต่อมาผู้คัดค้านให้กำเนิดเด็กหญิงที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนครั้งนี้ จากนั้นผู้ร้องรับเด็กหญิงคนดังกล่าวไปอุปการะเลี้ยงดูนับแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาไต่สวนก็มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้ร้องอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงด้วยความรักและเอาใจใส่
นอกจากนี้ ในระหว่างพิจารณาผู้คัดค้านยังแถลงไม่คัดค้าน หากศาลจะมีคำสั่งให้เด็กหญิงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง จากพฤติการณ์ตามที่วินิจฉัยมาจึงสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้เด็กหญิงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง
ปัญหาประเด็นสุดท้ายมีว่า สมควรกำหนดให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงร่วมกัน หรือสมควรกำหนดให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นผู้ใช้อำนาจดังกล่าวเพียงฝ่ายเดียวเห็นว่า ผู้ร้องรับเด็กหญิงไปอุปการะเลี้ยงดูตลอดมานับแต่แรกเกิด ปัจจุบันเด็กหญิงมีอายุ 1 ปี 3 เดือนเศษ อยู่ในวัยที่พอจะรู้ความและมีความรู้สึกผูกพันกับผู้ที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูอยู่เป็นประจำ หากเปลี่ยนผู้อุปการะเลี้ยงดูย่อมก่อผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของเด็กหญิง
อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนพยานผู้ร้องก็รับฟังได้ว่า ผู้ร้องอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงด้วยความรักและเอาใจใส่ และถึงแม้ผู้ร้องเป็นคนรักร่วมเพศ แต่ความเป็นคนรักร่วมเพศมิใช่อุปสรรค ที่จะทำให้ผู้ร้องไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิง ให้ได้รับความสุขและความอบอุ่นเท่ากับเด็กอื่นๆ
ส่วนผู้คัดค้านมิใช่ภริยาผู้ร้องทั้งโดยพฤตินัยและนิตินัย อีกทั้งผู้ร้องกับผู้คัดค้านก็มีภูมิลำเนาอยู่คนละประเทศ หากศาลมีคำสั่งให้ทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงร่วมกันย่อมเกิดอุปสรรคในอำนาจปกครองและการอุปการะเลี้ยงดูซึ่งจะไม่เป็นผลดีแก่เด็กหญิง
จากพฤติการณ์ตามที่วินิจฉัยมา จึงสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงเพียงผู้เดียว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก
จึงมีคำสั่งว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงเพียงผู้เดียว
ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กBringcarmenhome