คืบคดียิงเสี่ยเมืองกรุง ก่อนตายมีคนมารับตัวออกไปจากบ้าน

คืบคดียิงเสี่ยเมืองกรุง ก่อนตายมีคนมารับตัวออกไปจากบ้าน

คืบคดียิงเสี่ยเมืองกรุง ก่อนตายมีคนมารับตัวออกไปจากบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจมั่นใจปมฆาตกรรมเสี่ยเมืองกรุง หักผลประโยชน์ค่านายหน้าที่ดิน-ชู้สาว ขณะที่ญาติเศร้าเดินทางมารับศพ-ให้ปากคำตำรวจ

คืบหน้าคดีพบศพ นายภาสพล อายุ 48 ปี นักธุรกิจหนุ่มจากเมืองกรุงและนักเรียนนอก ถูกยิงเสียชีวิตริมถนนสายสมเด็จ-ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สภาพโดยยิงเข้าที่ทายทอยที่เกิดเหตุพบรอยเลือดและหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดในที่เกิดเหตุและตำรวจยังพบร่องรอยแฝงจำนวนมาก

ล่าสุด (5 พ.ค.) สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ได้สอบปากคำ นส.ฐาปานีย์ อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต และ น.ส.ภัณฑิรา บุตรสาวผู้ตาย อายุ 22 ปี พร้อมญาติรวม 7 คน โดยมี นายไชยวัฒน์ นวลละมัย ทนายความ เดินทางมาให้ตำรวจทำการสอบปากคำ โดยทั้ง 7 เดินทางไปดูศพที่ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ก่อนเดินทางมาให้ปากคำ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

ระหว่างที่ทำการสอบ ญาติบางส่วนได้เดินทางไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ บริเวณผาเสวย อำเภอสมเด็จ ได้ทำการจุดธูปเชิญดวงวิญญาณ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามญาติซึ่งต่างตกอยู่ในอาการตกใจ โดยเฉพาะลูกสาวที่เสียใจ และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาคนร้ายมาลงโทษ

นายไชยวัฒน์ นวลละมัย ทนายความ กล่าวว่า ตนเป็นทนายความได้รับการว่าจ้างมาจากนายวิรัช พ่อของผู้ตาย วันนี้มีหน้าที่เดินทางเข้ามารับศพผู้ตาย และมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำญาติในฐานะพยานฝ่ายผู้เสียหาย ในส่วนประเด็นการเสียชีวิตนั้นตนไม่ทราบ เพราะการว่าจ้างจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

"ผมได้เริ่มเข้ามาทำคดีให้กับ นายวิรัชฯ ในช่วงปี 2557 หลังจากที่โรงพิมพ์ของนายวิรัช พ่อของผู้ตายถูกฟ้องล้มละลายในปี 2556 โดยเข้ามาเป็นทนายในส่วนของลูกหนี้และขอเข้าประนอมหนี้ที่มีมูลหนี้จำนวน 100 ล้านบาท

การประนอมหนี้ได้ใช้ที่ดินซึ่งอยู่ในซอยประชาอุทิศ 13 เป็นที่ดินค้ำประกัน และเมื่อผลการประนอมหนี้ออกมา เจ้าหนี้ตกลงให้ชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 80 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินจำนวน 20 ล้านบาท จึงได้แบ่งเป็นค่าเครื่องจักร 6 ล้านบาท และเป็นเงินที่เหลืออยู่ 14 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดได้ทำสัญญากันที่สำนักงานที่ดินเขตห้วยขวาง ในช่วงกลางดึกของวันที่ 27-28 เม.ย." นายไชยวัฒน์ กล่าว

ทนายความ กล่าวต่อว่า ในเรื่องปัญหาครอบครัวนั้นจึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร เพราะตนมีหน้าที่ทางคดีแพ่ง ซึ่งก็เห็นว่าพ่อกับลูกชายที่ตายก็คุยกันปกติ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังเตรียมที่จะเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินอยู่ที่จังหวัดยะลา ซึ่งมีหนี้สินติดกับธนาคารฯอีก 40 ล้านบาท

น.ส.ภัณฑิรา อายุ 22 ปี บุตรสาวผู้ตาย กล่าวว่า ครอบครัวของตนก็ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เนื่องจากหลังจากที่เกิด ตนได้ไปอยู่กับ ปู่และย่า ที่เลี้ยงมาเกือบ 20 ปี และจะได้พบพ่อบ้างเป็นบางครั้ง ถึงแม้จะไม่มีความผูกพันมากนักแต่รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของพ่อ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในส่วนตัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร จะเป็นเรื่องในครอบครัวหรือไม่ก็ไม่รู้เพราะปู่กับพ่อก็มีความสนิทกันดี ซึ่งก็ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี

ด้าน พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีนี้คงต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนมากขึ้น เนื่องจากเท่าที่ทราบผู้ตายมีภรรยาหลายคน รวมไปถึง พ่อของผู้ตายก็มีภรรยาหลายคน ส่วนประเด็นสำคัญยังให้น้ำหนักไปที่เรื่องชู้สาวและผลประโยชน์จากการขายที่ดิน

ขณะที่ แหล่งข่าว กล่าวว่า ปมการอุ้มฆ่าครั้งนี้อาจเป็นเรื่องค่านายหน้าที่ดิน เนื่องจากในวันที่มีการทำธุรกรรมทางที่ดิน นายภาสพล ผู้ตาย ได้เดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นก็มีปากเสียงกันภายในครอบครัว และญาติได้พาไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน จนเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ได้มีคนสนิทมารับตัวออกไปซึ่งอาจจะเป็นการตามทวงหนี้สิน ที่อาจติดค้างเป็นหนี้นอกระบบ เมื่อไม่มีใช้คืนจึงอาจจะนำมาอุ้มฆ่าก็เป็นไป

อีกด้านหนึ่งของแหล่งข่าว เปิดเผยว่า ประเด็นในเรื่องชู้สาวก็เป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากผู้ตายมีภรรยาหลายคนและเป็นคนมีอุปนิสัยใจร้อนมักลงมือกับผู้หญิง ล่าสุด ภรรยาคนที่ 4 ที่พึ่งเลิกไปก็ถูกกรีดหน้า จึงอาจจะเป็นความแค้น

กับอีกประเด็นเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นล่าสุด ที่ผู้ตายไปติดพันบุตรสาวของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งทางภาคเหนือ จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการอุ้มขึ้นรถเพื่อมาตกลงกันให้เลิกรา แต่เมื่อไม่สำเร็จจึงถูกนำมายิงทิ้ง

ทั้งนี้ สำหรับศพของ นายภาสพล หรือ เสี่ยตุ้ม ญาติจะนำศพออกจาก รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ในช่วงเย็น และจะเดินทางนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพลีลา รามคำแหง กทม. ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook