นางแบบสาวไต้หวัน สำลักน้ำตาย ตอนถ่ายแบบใต้ทะเล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางแบบสาวชาวไต้หวัน ประสบเหตุเสียชีวิตระหว่างการถ่ายแบบใต้น้ำ เนื่องจากเกิดอาการสำลัก เพราะภาวะหอบหืดฉับพลัน ระหว่างที่พยายามกลั้นหายใจ กลายเป็นข่าวเศร้าในวงการแฟชั่น

ตามรายงานข่าวจากเว็บไซต์ข่าว ไทเป ทามส์ ระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา "โอลิเวีย คู" นางแบบสาววัย 25 ปี เกิดสำลักน้ำระหว่างการถ่ายแบบใต้ทะเล บริเวณชายฝั่งทะเลในเทศมณฑลผิงตง ทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน

ทันทีที่เกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครอยู่ในกองถ่าย รีบช่วยเหลือและปฐมพยาบาลของนางแบบสาวเบื้องต้น ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ เนื่องจากระบบการหายใจล้มเหลว

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุยังมีกระแสข่าวลือว่า นางแบบสาวเสียชีวิตก็เพราะเธอถอดเครื่องช่วยหายใจและออกซิเจนระหว่างการดำน้ำ เพื่อถ่ายแบบใต้ทะเล แต่ทางเจ้าหน้าที่ชายฝั่งปฏิเสธถึงกรณีดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเรื่องสุดวิสัย ทางทีมงานมีระบบเซฟตี้และให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกองถ่ายแบบก็ยังเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ บางคนคิดเห็นว่า เหตุที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของใครสักคนหรือไม่ อาจจะอยากต้องการภาพที่สวยงาม องค์ประกอบดี ทำให้นางแบบต้องมาเผชิญหน้าเสี่ยงอันตราย กระทั่งนำไปสู่ถึงแก่ชีวิตเช่นนี้

สำหรับ โอลิเวีย คู เป็นนางแบบที่กำลังประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เธอแต่งงานกับทายาทนักการเมืองท้องถิ่น และมีลูกสาววัย 4 ขวบ ที่ผ่านมา โอลิเวีย เคยมีประสบการณ์การดำน้ำ เนื่องจากเธอเข้าร่วมเป็นนักดำน้ำอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ทางทะเล

สามีของโอลิเวีย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังทราบข่าวร้ายของภรรยาว่า "ชีวิตคุณช่างสั้นนัก อายุแค่ 25 เท่านั้น แต่คุณจะอยู่ในใจของพวกเรา..ครอบครัวตลอดไป"

ขณะที่ทางต้นสังกัดของ โอลิเวีย คู อย่าง เอลลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ พร้อมจะช่วยเหลือครอบครัวเกี่ยวกับพิธีงานศพทุกอย่าง ทางบริษัทไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวและให้เกียรติแก่ครอบครัวโอลิเวีย คู

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่า รูปภาพทั้งหมดที่บันทึกเอาไว้จากการถ่ายแบบครั้งนี้ ถูกระงับการใช้ทั้งหมด โดยจะไม่ถูกนำมาใช้และตีพิมพ์เผยแพร่แต่อย่างใด

Source: Taipei Times