เก้า จิรายุ เปิดใจ ถูกคนดูแลโกงเงินนับสิบล้าน ยุแตกคอแม่

เก้า จิรายุ เปิดใจ ถูกคนดูแลโกงเงินนับสิบล้าน ยุแตกคอแม่

เก้า จิรายุ เปิดใจ ถูกคนดูแลโกงเงินนับสิบล้าน ยุแตกคอแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดรนทนไม่ไหวถึงขีดสุด เมื่อหนุ่ม "เก้า จิรายุ" และคุณแม่ "ก้อย วรนุช" ถูกอดีตผู้จัดการส่วนตัวโกงเงินนับสิบล้านบาท ในเรื่องของการลงทุนทำธุรกิจและการดูแลคิวงานต่างๆ ของเก้า แต่ที่ทำให้แม่ลูกคู่นี้แค้นสุดๆ ต้องเป็นเรื่องที่ถูกปั่นหัวจากอดีตผู้จัดการคนนี้ ทำให้สองแม่ลูกเกิดปัญหาและไม่คุยกันในที่สุด

ล่าสุด เก้า จิรายุ ควงแขนแม่ก้อย วรนุช พร้อมทนาย ว่าที่ร้อยตรี มงคลวิจิตร์ ธนะโสภณ ออกมาเปิดใจถึงกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทั้งยังฝากเตือนภัยคนในวงการให้ระวังบุคคลคนนี้อีกด้วย

เก้า: มีผู้หญิงคนนึงครั้งแรกที่รู้จักเขามาจ้างงานผม เป็นอีเว้นท์สำหรับแบรนด์ของเขา นั่นคือตอนแรกที่รู้จัก ประมาณ 3 ปี กว่าๆ เขาจ้างไป 2-3 ครั้ง ผมไม่ได้คุยเยอะ เขาจะสนิทกับแม่ก่อน คุยเรื่อยๆ และชวนแม่ทำธุรกิจ

แม่ก้อย: ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เก้าจะเข้ามหาลัย เราเลยรู้สึกว่าน้องทำงานมานาน ถ้ามีธุรกิจจะมาช่วยซัพพอร์ตน้อง ยังไม่เกี่ยวกับการรับงาน และอยู่ๆ เขาก็มาบอกว่ามีปัญหา เจออีกคนนึงที่ร่วมโกง เขาก็เชื่อใจ ไม่ได้คิดอะไร แต่วันนึงเขามาบอกว่าบริษัทเขามีปัญหา เจอตรวจสอบ และบอกบัญชีอยู่ในบริษัทเอาออกมาไม่ได้ เราก็เชื่อใจ และรอเงินมาเรื่อยๆ

พอวันนึงแม่เจอกระแสข่าวว่าแม่มีปัญหากับการรับงาน เขาใช้จุดนี้มาบอกและช่วยดูแลให้ เราจะได้ไม่มีปัญหา เขาเริ่มดูงานให้มาเรื่อยๆ เราก็ไว้ใจ เชื่อใจ เริ่มดูแลเต็มๆ ปีกว่า ไม่เกินสองปี เรื่องรับเงินปกติ เพราะเก้าจะรับเงินผ่านบริษัทเก้าจิรามาตลอด เพราะดูแลเก้าอยู่แล้ว

เริ่มเกิดปัญหาเพราะอะไร?

เก้า: ในส่วนของตัวผม เขาจะมีอะไรที่ทำให้เราเอ๊ะหน่อยๆ เขาจะพูดบางเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของแม่ และอ้างว่าแม่ไม่อยากให้เรารู้ เราฟังก็ดูแปลกมาก พอมาคุยตอนหลังที่เราเคลียร์กับแม่ เขามาพูดแบบเดียวกับแม่เหมือนกัน ทำให้ผมกับแม่ไม่ได้คุยกันเลย ส่วนใหญ่มาจากเรื่องที่เขาพูดกรอกหูตลอด ทำให้เรากับแม่มีปัญหาตลอด

แม่ก้อย: ยกตัวอย่างเช่นเรื่องป่วย เขามาบอกแม่ว่าแม่ต้องไม่บอกเก้านะ ว่าเขาป่วย และเขาบอกเขาป่วยต้องสั่งยาจากต่างประเทศหลายแสน เราก็ช่วยเหลือเขา

เงินที่สูญเสียทั้งหมดเท่าไหร่?

แม่ก้อย: ลงทุนธุรกิจค่ะ และก็เรื่องการรักษา เขาไม่ได้บอกว่ายืม แต่เขาจะบอกว่าเขากำลังจะตายค่ะ เขาบอกหาเงินมาได้เป็นล้านก็ต้องรักษาหมด รวมๆ แล้วก็เจ็ดหลัก เราก็ช่วยออกก่อน ตอนต้นปีเราเริ่มไม่คุยกับเก้า เราก็ถามเขาว่าบริษัทที่ปิดตัวได้สมุดบัญชีหรือยัง เขาบอกยาวๆ เลยค่ะ

และช่วงนั้นเป็นช่วงที่เก้าออกเพลง เราเลยพยายามลืมเรื่องนั้นไปก่อน แต่ก็มีเหตุให้ผู้ใหญ่ในวงการมาเตือน เขาบอกได้ข่าวว่าทำงานกับคนนี้เหรอ เราก็ยังเชื่อใจว่าเขาไม่ได้โกหก ประวัติที่ทราบมาเราทราบจากตัวเขา ไม่ได้เช็คเลยค่ะ

เก้า: ผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆ ผมมีปัญหากับแม่แบบไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนใหญ่ที่ทำให้ไม่คุยกับแม่เลย คือเรื่องที่เขามาคุยกับเรา แต่สุดท้ายผมยังไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าเขาไม่ดี จนมีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเริ่มมาคุยกับเรา เราเริ่มค่อยๆ รู้ พอทุกอย่างกระจ่างเราก็ต้องเชื่อแล้ว

พอเกิดเรื่องได้คุยกับเขาไหม?

เก้า: ยังไม่ได้คุยครับ

แม่ก้อย: ที่บอกผู้ใหญ่บอกก็เริ่มตรวจสอบ คือเรายังกลัวอยู่ว่าถ้าตรวจสอบแล้วไม่จริง ความไว้ใจก็จะไม่มี แต่ผู้ใหญ่ก็เอาหลักฐานมาให้ ครั้งแรกเรายังไม่เชื่อ แต่ต้องเชื่อด้วยหลักฐานทุกอย่าง จากหน้าเป็นหลังเลยค่ะ เขามีคดีเป็นคดีทั้งอาญาและแพ่ง มีแบล็คลิส และที่เขาบอกเรามีเงินอยู่ก็ไม่มี

พอทราบเรื่องทำอย่างไรต่อ?

แม่ก้อย: เราก็ปรึกษาผู้ใหญ่ว่าทำยังไง ต้องให้เก้าเชื่อก่อน ผู้ใหญ่ก็พาเก้าไปคุย รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปแล้ว พอเขาไปเรามาปรึกษากันว่าต้องทำยังไง แก้ไขยังไง

เก้า: ก็ปรึกษาทางทนายให้ดำเนินตามกฎหมาย ก็ต้องบอกให้คนอื่นรู้ วันนี้หลักๆ อยากบอกว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ทำงานกับผู้หญิงคนนี้ จะแนะนำว่าเขาเป็นพี่สาว เพราะเขาบอกให้แนะนำจะได้มีความน่าเชื่อถือ ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นลูกคนเดียวนะครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด พ้นสภาพจากการเป็นผู้จัดการแล้ว จากนี้ถ้ามีการดิวงานจากคนนี้ไม่เกี่ยวกับผมและแม่ครับ

ทนาย: เรื่องเงินเป็นส่วนหนึ่งที่เรารวบรวมหลักฐานอยู่ว่าส่วนไหนมีเรื่องโดยตรงและอ้อมๆ ที่คุณแม่เก้าไม่รู้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำคนเดียว แต่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย ผมให้ทั้งสองท่านนี้ไปลงบันทึกประจำวันด้วย มีของทั้งมีค่าและไม่มีค่าที่อยู่ที่ออฟฟิศเก้า ก็ขอให้มานำคืนด้วยครับ เขาขอเข้ามาอาศัยในออฟฟิศเลย รวมๆ เงินที่นำไปก็เยอะอยู่ครับ แต่ขอรวบรวมหลักฐานก่อนครับ ยังบอกไม่ได้

เก้า: มีอันนึงที่ผมรู้ว่าน่าจะใช่คือเขาจัดการวงดนตรีผมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าวโปรโมท ห้องซ้อม เขาจัดการ เราก็เชื่อใจครับ เขาบอกว่าต้องใช้เงินประมาณนี้ แต่ใช้จริงไม่ถึง ตัวอย่างเช่น ใช่เงินล้านห้า แต่จริงๆ ใช้แค่เจ็ดแสน

ทนาย: ตอนนี้เราอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เราอยากให้เขามาคุย ทั้งสองไม่ค่อยอยากให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ถ้าไม่เข้ามาเคลียร์ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายๆไป เขาดำเนินการ 2-3 คน เลยครับ ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน

เขาพยายามเปลี่ยนชื่อให้คล้องตามเก้ากับแม่ด้วย?

เก้า: ครับ มันก็มีผล พอเขาเปลี่ยนชื่อเล่นให้คล้องกัน ก็ทำให้คนดูน่าเชื่อ

แม่ก้อย: มีอยู่คำนึงที่เราคิดได้ เป็นคำเดียวเลยว่า 'ไว้ใจ' เราจะโดนเก้าพูดมาตลอดว่าทำอะไรอยากให้ไว้ใจคนอื่นบ้าง เราก็เลยลองไว้ใจ

เก้า: มันเป็นเหมือนบทเรียนที่เกิดขึ้น และทำให้เราได้เรียนรู้ พอเราเคลียร์ทุกอย่างจบแล้วก็ทำให้ผมกับแม่เข้าใจ ว่าแม่หวังดีเสมอ ผมอยากฝากอีกหลายๆ คนที่ไม่รู้ว่าจะเจอเรื่องแบบเดียวกันหรือเปล่า อยากให้ระวังและมีสติ อยากให้เป็นอุทาหรณ์ครับ

สำหรับพี่เขาผมไม่รู้จะพูดอะไร ตัวเขาคงทำสิ่งที่ไม่ดี สุดท้ายผมก็เชื่อว่าคนเราทำในสิ่งที่ดีก็ได้สิ่งที่ดี ทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี ไม่อยากฝากอะไรถึงเขา แค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับคนอื่น สิ่งที่แย่กว่าเรื่องของเงินคือการทำให้ผมกับแม่ต้องมีปัญหากัน

เก้า: ถ้าการติดต่องานตอนนี้เป็นแม่ผมก่อนครับ เรายังทำงานปกติ เราก็กังวลว่าก่อนหน้านี้ยังมีใครที่ติดต่อเขาไปหรือเปล่า อยากบอกให้ติดต่อมาที่ตัวแม่ผมโดยตรงครับ ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้โอกาสผมนะครับ

แม่ก้อย: ก่อนหน้านี้เราไม่เข้าใจกัน และเก้าจะรู้สึกว่าพอเข้าวงการเหมือนเก้าทำงานตรงนี้คนเดียว ไม่มีใคร แต่วันนี้เก้ารู้แล้วว่ามีแม่อยู่ข้างๆ (น้ำตาซึม) ต้องขอบคุณทุกคนนะคะ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ เก้า จิรายุ เปิดใจ ถูกคนดูแลโกงเงินนับสิบล้าน ยุแตกคอแม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook