บีม ควง ชาช่า แถลงข่าวหลังถูกขโมยบัตร สูญเงินหลักแสน
ทำเอานักแสดงหนุ่ม "บีม ศรัญยู" ถึงกับแอบปรี๊ดเบาๆ เมื่อภรรยาสาว "ชาช่า ภักค์ไพบูลย์" ถูกขโมยบัตรเอทีเอ็มแล้วนำไปกดเงินสดสูญเสียเงินไปทั้งหมด หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันห้าร้อยบาท โดยก่อนหน้านี้ บีม ได้โพสต์ข้อความต่อว่าถึงการประสานงานที่ล่าช้าของธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจลงอินสตาแกรมส่วนตัว
ล่าสุด บีม ศรัญยู ได้ควงภรรยา ชาช่า ภักค์ไพบูลย์ ออกมาแถลงข่าวและเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ต้องขอโทษทางธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อนหน้าอารมณ์ร้อนและโพสต์ข้อความค่อนข้างรุนแรงลงไอจี แต่ตอนนี้ได้รับการประสานงานและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมเดินหน้าเตรียมจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้
ชาช่า: มีแมสเสจเตือนมาว่ามีเงินออกจากบัญชีห้าร้อยบาท หลังจากเงินก็ออกจากบัญชีไปทีละสองหมื่นจนหมด เราก็ตกใจ หลังจากนั้นจึงโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารกสิกรเพื่ออายัด และถามว่าบัตรถูกกดที่ไหน ทางธนาคารแจ้งว่าบัตรถูกกดแถวตลาดนำชัย หลังจากนั้นจึงไปรับบีมเพื่อไปแจ้งความที่สถานีลุมพินี โดยการลงบันทึกประจำวัน หลังจากนั้นจึงนำเอกสารไปที่ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารธนชาติ และธนาคารกรุงไทย เรานำเอกสารไปที่ธนาคารกสิกรไทยเพราะเรารู้เลขตู้เอทีเอ็มแล้ว แต่เราอยากได้เป็นลายลักษณ์อักษร ต่อมาจึงไปที่ธนาคารธนชาติและกรุงไทย เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งทางธนาคารแจ้งว่าเราต้องมีตรารับรองที่มีเอกสารเป็นตราครุฑ
ชาช่า: สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นกรณีที่บัตรถูกขโมยไป เพราะช่าไม่รู้เลยว่าบัตรเอทีเอ็มหาย และบัตรนี้เราไม่ค่อยได้ใช้ นานๆ ทีจะกด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนแมสเสจแจ้งเตือน รวมยอดทั้งหมดก็ 159,500 บาท ถูกกดออกไปโดยตู้เอทีเอ็มของธนชาติและกรุงไทย โดยตัวบัตรเป็นของธนาคารกสิกรไทย
บีม: เราไปขอเอกสารที่มีตราครุฑของ สน.ลุมพินี เพื่อไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดจากธนาคารต่างๆ แต่ทางร้อยเวรยังไม่กล้าออกหนังสือรับรองให้ เพราะกลัวอำนาจหน้าที่เขาไม่พอ เพราะเราไม่ทราบว่าบัตรหายที่ไหน ทราบแค่ว่าน่าจะเป็นในท้องที่ลุมพินีแถวบ้าน เขาเลยแนะนำให้ผมไปที่ สน.ลาดกระบัง เนื่องจากคนร้ายกดที่ลาดกระบัง เพราะอาจจะมีอำนาจเต็มที่มากกว่าที่นี่ แต่ตำรวจที่นั่นก็ไม่สามารถออกหนังสือให้ได้เช่นกัน เพราะเขาบอกว่าทำไมถึงมาแจ้งที่ปลายเหตุ ถ้าอย่างนั้นคนร้ายไปกดที่เชียงใหม่ ไม่ต้องไปแจ้งที่เลัยงใหม่เลยเหรอ แต่เขาบอกว่าสามารถออกให้ได้ แต่เราต้องขอสเตสเม้นท์และหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งตอนนั้นทางธนาคารก็ยังไม่สามารถให้เราได้ ยังต้องรอก่อน เราจึงตัดสินใจขับรถไปที่ตู้เอทีเอ็มทั้งสองที่ที่ถูกกดออกไป ซึ่งเป็นตู้ลอย และจากนั้นจึงกลับไปที่ สน.ลุมพินีอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยังออกเอกสารรับรองให้เราไม่ได้ เขากลัวเกินหน้าที่ กลัวมีความผิด แต่บังเอิญผมได้พบกับรองสารวัตรป้องกันและปราบปราม คือหมวดเบ็นซ์ ที่เขาเคยมีประสบการณ์ทำเกี่ยวกับใบรับรองเปผ้นประจำอยู่แล้ว เขาเลยออกใบรับรองให้เราภายในสิบห้านาที
บีม: ส่วนที่ผมโพสต์ในไอจีดูค่อนข้างรุนแรงนั้น เป็นเพราะวันนั้นเราใช้เวลาค่อนข้างมาก ตั้งแต่เที่ยงจนสามทุ่ม สรุปไม่ได้อะไรเลย มาได้ตอนสุดท้าย
ชาช่า: วันแรกที่ไปธนาคารกสิกรต้องบอกก่อนว่า พน้กงานธนาคารมารยาทดีมาก ซึ่งเราก็ทำตามขั้นตอน รอคิวเหมือนทุกคน เรารออยู่ 40 นาที และเพิ่งมารู้ว่า เราต้องแจ้งที่คอลเซ็นเตอร์อย่างเดียว แค่รู้สึกกับธนาคารนิดนึงว่า ถ้าบอกเราตั้งแต่แรก อาจจะไม่ต้องรอ คงเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดนิดหน่อย และวันรุ่งขึ้นผู้อำนวยการสนับสนุนฝ่ายอิเล็คทรอนิค โทรมาประสานกับช่าว่าจะอำนวยการสะดวกให้เรายังไงบ้าง เตรียมเอกสารอะไรบ้าง
บีม: ขบวนการของแต่ละธนาคารแตกต่างกันและค่อนข้างหลากหลาย ไม่ใช่เรื่องของบุคคลที่ทำงานช้า แต่เราต้องยื่นเอกสารให้แต่ละฝ่ายเพื่อยื่นเอกสารให้กัน จนถึงการยื่นไปขอดูกล้องวงจรปิดได้ มันต้องใช้เวลา
ชาช่า: การที่มันใช้เวลามันก็ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าธนาคารทำงานล่าช้า เพราะทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอน เป็นเรื่องขององค์กร เราเข้าใจ
บีม: หลังจากนั้นเราได้ภาพกล้องวงจรปิดจากธนาคารกรุงไทยมา แต่เป็นภาพช่วงล่าง เห็นไม่ชัดเจน และผมก็ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ลงไป แต่ก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่และทำการขอโทษ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ภาพแบบนั้นมา เขาบอกว่าเป็นภาพที่ได้มาอย่างเร่งด่วน และหลังจากนั้นธนาคารธนชาติก็ให้ภาพกล้องวงจรปิดตามมา ตอนนี้ตำรวจก็กำลังหาตัวคนร้ายต่อไป ได้ความคืบหน้าบ้างแล้ว
ชาช่า: ในส่วนของเงินธนาคารได้ทำการชดเชยมาให้เรียบร้อยแล้วเต็มจำนวน แต่ขอแจ้งก่อนว่าธนาคารดูเคสของเราแล้ว ธนาคารมีความตั้งใจที่จะชดเชยเงินให้เราอยู่แล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าจะมีการแถลงข่าว สำหรับเรื่องนี้ชาช่าไม่ได้มองว่าเป็นความผิดของธนาคารอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นการสกิมมิ่งจะเป็นอีกรูปแบบนึง
บีม: แต่ที่น่าสงสัยคือคนร้ายไม่ได้กดสุ่มรหัสเลย กดตรงตัวทีเดียว ซึ่งคนที่รู้รหัสชาช่าไม่มีเลย ชาช่ารู้คนเดียว
ชาช่า: ตอนแรกคิดว่าเป็นคนใกล้ตัว แต่ตอนนี้มั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน น่าจะเป็นการดูเรากดเอทีเอ็ม และรอจังหวะขโมยมากกว่า ตอนนี้เราก็ดำเนินคดีกันต่อไป
บีม: จริงๆ เรื่องนี้เราก็ไม่อยากให้เกิด เรารู้สึกดีกับทุกธนาคาร แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องแจ้งใครก่อน เราจึงมาพูดคุยกันว่าคนที่เกิดเหตุการณ์อย่างเราควรจะแก้ไขอย่างไร ควรไปที่ไหนก่อน ทางตำรวจก็ควรให้ความชัดเจน เพื่อให้ประหยัดเวลาขึ้น
ชาช่า: ถามว่ากลัวคนจะมองว่าการคืนเงินของธนาคารเป็นสิทธิพิเศษของดาราหรือไม่นั้น จริงๆ ก็กลัว ช่าจึงได้บอกว่าธนาคารแจ้งว่าจะคืนเงินให้ก่อนที่จะทราบว่าต้องแถลงข่าวแล้ว และคิดว่าการคืนเงินแบบนี้น่าจะเป็นการพิจารณาแบบเคลสบายเคลส ซึ่งไม่ทราบว่ามีหลักในการพิจารณายังไง ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้เงินคืนด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าอยากได้ตัวคนร้าย เราจึงต้องดำเนินการกันต่อไป
บีม: ความคืบหน้าตอนนี้ ทางสน.ก็พยายามดำเนินการให้อยู่ตามการดำเนินการของเขา เราก็รอความคืบหน้าต่อไป ถามว่ากล้วเรื่องเงียบไหม ผมก็กลัวเลยตัดสินใจโพสต์ลงไปแบบนั้น แต่ตอนนี้เรื่องมันคลี่คลายประมาณนึง ในมุมของคนร้ายจะเป็นยังไงก็ต้องเป็นในเรื่องของตำรวจ ทั้งเราและตำรวจก็ต่างต้องช่วยกันตาม ตอนนี้ก็ถือว่าเราได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายจริงๆ
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ