ฟังอีกมุม! ตำรวจแจงคลิปดราม่า ยึดรถแม่ลูกอ่อนผิดหลายกระทง
จากกรณีที่มีคลิปชื่อ "ขอความรู้หน่อยจร้า ตำรวจสามารถยึดรถ ยึดกุญแจรถได้มั้ยคะ อิป้าไม่มีความรู้นิ" ระบุสถานที่ บ้านแพรก สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเรื่องราวของสาวแม่ลูกอ่อนที่อุ้มลูกน้อยซ้อนท้ายจักรยานยนต์มาเจอตำรวจ ก่อนถูกออกใบสั่งข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก และยึดรถจักรยานยนต์ไปตรวจสอบ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ล่าสุด (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมยศ ดำจันทร์ รรท.ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้คำตอบว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 07.40 น.ของวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.ท.วิชาญ ตรีทัศน์ รอง สว.จร.ปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่บริเวณปากซอยพุฒิสี พบรถจักรยานยนต์ทะเบียน ขลม 975 สกลนคร ที่นายอุทัย เป็นผู้ขับขี่มาพร้อมกับหญิงสาวอุ้มทารกตามภาพที่ปรากฎในคลิปวีดีโอ
ทางร.ต.ท.วิชาญ จึงได้แจ้งให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่า นายอุทัยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่มีสำเนาทะเบียนรถมาแสดง และไม่มีเอกสารการเสียภาษีรถตามที่กฎหมายกำหนด ทางร.ต.ท.วิชาญ จึงได้ออกใบสั่งฯ ในข้อหา ไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ไม่มีเอกสารสำเนาการจดทะเบียนรถ และ ไม่เสียภาษีประจำปี พร้อมกับขอยึดรถไว้ตรวจสอบชั่วคราวพร้อมกับให้นายอุทัยกลับไปนำเอกสารการครอบครองรถ มาแสดงเพื่อรับรถกลับ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้นายอุทัยยังไม่ได้ติดต่อกลับมา
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจสอบทะเบียนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ในระบบโปลิศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลของรถจักรยานยนต์ จึงได้ขอตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ของกรมขนส่ง ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์คันนี้ เป็นของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งที่ จ.สกลนคร และมีการค้างชำระค่างวดอยู่ประมาณ 4 งวด แต่ชื่อผู้ครอบครองไม่ตรงกับนายอุทัยที่เป็นผู้ขับขี่ขณะที่เจ้าหน้าที่จับกุม และนายอุทัยก็ยังไม่ได้พาผู้ครอบครองรถ หรือเอกสารการครอบครองรถ มาติดต่อรับรถ มีแต่เพียงทางบริษัทไฟแนนซ์ ติดต่อมาถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รถจักรยานยต์คันดังกล่าวมาอยู่ที่สมุทรปราการได้อย่างไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฯต้องตรวจสอบรายละเอียดต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางพ.ต.ท.สมยศ ยังฝากเตือนผู้ที่อุ้มทารก หรือเด็กอ่อน ขึ้นรถจักรยานยนต์ ขณะที่ที่การจราจรคับคั่ง เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นนี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับทารก บางครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพบเห็นก็ให้หยุดรถ รอจนกระทั่งการจราจรเบาบางลงแล้วจึงปล่อยไป ไม่ได้เน้นการจับกุมตามที่คนส่วนใหญ่มักคิดกัน