ที่แท้แท็กซี่วางมือถือจองคิว ทำแตกตื่นคิดว่าวางบึ้มสนามบิน
พบแล้วเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ใส่ขวดน้ำต่อสายไฟกับแบตเตอรี่สำรอง ทิ้งไว้ข้างถนนหน้าโรงแรมภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ปรับ 200 บาท ก่อนปล่อยกลับบ้าน เพราะเหตุเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 มิ.ย.) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตามตัว น.ส.เสาวลักษณ์ อายุ 37 ปี เจ้าของโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในขวดน้ำดื่ม และต่อสายไฟเข้ากับแบตเตอรี่สำรอง ทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ ก่อนมีคนมาพบจนเกิดการแตกตื่นคิดว่าเป็นวัตถุระเบิด มาทำการสอบสวน
โดย น.ส.เสาวลักษณ์ เล่าว่า โทรศัพท์และอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของตนจริง โดยทำไปเพื่อจองคิวแท็กซี่ผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากตนเป็นคนขับรถแท็กซี่ และเป็นสมาชิกแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้เรียกรถแท็กซี่ ผ่านระบบ GPS และเมื่อลงทะเบียนผ่านแอพฯนี้แล้ว ทางระบบจะจัดคิวให้แท็กซี่ที่จอดตามสถานที่ต่างๆ
แต่วันเกิดเหตุตนมาจอรอคิวภายในสนามบินฯ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. กระทั่งถึงช่วงเย็นก็ยังไม่มีผู้เรียกใช้บริการผ่านแอพฯ แต่เมื่อจะออกไปหาข้าวรับประทานก็กลัวว่าจะตกคิว เพราะทางแอพฯจัดให้คิวคันที่มาก่อนเพียง 8 อันดับเท่านั้น
จึงตัดสินใจเอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ใต้ต้นไม้บริเวณใกล้กับที่จอดรถ และออกไปหาของรับประทาน แต่ที่ต้องใส่ไว้ในขวดน้ำก็เพราะกลัวฝนจะตก แล้วโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย
แต่ที่เห็นว่าต่อสายไฟกับแบตเตอรี่สำรองก็เพราะโทรศัพท์ของตนเองแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม จึงต้องต่อไฟเข้ากับแบตฯสำรองกันแบตฯหมด ก่อนที่ตนจะกลับมาถึง แต่กลับมีลูกค้าเรียกใช้บริการมากเกินคาด จึงมีเสียงเรียกดังขึ้นที่โทรศัพท์ จนมีคนได้ยินและเกิดการเข้าใจผิด
เมื่อตนกลับมาพบเจ้าหน้าที่ปิดล้อมกันที่เกิดเหตุ ห้ามทุกคนเข้าและผ่านบริเวณดังกล่าว เพราะมีวัตถุต้องสงสัยเกรงว่าจะเกิดอันตราย ทำให้ตนไม่สามารถเข้าไปอธิบายกับเจ้าหน้าที่ได้ กระทั่งมาทราบจากข่าวจากสื่อต่างๆ และเจ้าหน้าที่มาตามตัวถึงบ้านพักย่านลาดกระบัง
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปรับ น.ส.เสาวลักษณ์ เป็นเงิน 200 บาท ในฐานความผิดตาม พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ ที่วางสิ่งของไว้ข้างทาง ก่อนให้กลับไป โดยทาง น.ส.เสาวลักษณ์ ก็ได้ขอโทษทุกคนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และตื่นตระหนกตกใจ