คดี 2 ตำรวจยิงสู้กันเองตายคู่ จ่อสอบวินัย ด.ต.คู่กรณีอีกคน

เตรียมตั้งคณะกรรมสอบสวน ดาบตำรวจ ตม.ว่ามีความผิดทางวินัยหรือไม่ ส่วนคดีระหว่าง รอง สวป.ภูเก็ต กับ นายสิบ จบลงปริยาย หลังทั้งคู่เสียชีวิต

จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ รอง สวป.เมืองภูเก็ต ยิงปะทะกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจยศนายสิบ เป็นเหตุทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต โดยที่ยังมี นายดาบตำรวจ ซึ่งเป็นการ์ดของผับ เป็นคู่กรณีอีกคนหนึ่ง ล่าสุดได้มีการตั้งคณะกรรมสอบสวนกรณีนี้แล้ว

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) บรรยากาศที่วัดวิชิตสังฆาราม อ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ร.ต.ท.ธรรมรงค์ สุวรรณชาตรี รอง.สวป.สภ.เมืองภูเก็ต

โดย พล.ต.ต.ธีระพล เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นเหตุดังกล่าว ทราบว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ ตำรวจนายสิบ ได้เข้าไปเที่ยวที่ผับดังกล่าวกับกลุ่มเพื่อน แต่ปรากฏว่า นายดาบตำรวจ ซึ่งทำหน้าที่เป็นการ์ดของผับ ได้ขอตรวจดูบัตร แต่ ตำรวจนายสิบ บอกว่าไม่มี และอ้างเป็นตำรวจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การ์ดอนุญาตให้เข้าไปในร้าน

ต่อมาทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน ในระหว่างที่ ตำรวจนายสิบ เดินกลับไปที่รถ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นายดาบตำรวจ ก็ได้เดินตามไป พร้อมกับตบเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง ทำให้ ตำรวจนายสิบ รู้สึกโมโห คว้าไปหยิบอาวุธปืนในรถออกมา ใช้ด้ามปืนตีเข้าศีรษะของนายดาบตำรวจ

จากนั้น นายดาบตำรวจ ก็ได้เดินกลับไปที่ร้าน ส่วน ตำรวจนายสิบ ก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด เป็นจังหวะเดียวกับที่ทางด้าน รอง สวป.สภ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเพิ่งออกจากการปฏิบัติหน้าที่ มานั่งทานข้าวอยู่ใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงออกมาดูเพื่อจะระงับเหตุ แต่กลับถูก ตำรวจนายสิบ ยิงใส่ ขณะเดียวกันทาง รองสวป.ก็ได้ยิงสวนกลับไปเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตามในส่วนของ นายดาบตำรวจ ตม.นั้น จะมีตั้งคณะกรรมสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ ามีความผิดทางวินัยหรือไม่อย่างไร

ส่วนคดีระหว่าง รอง สวป.เมืองภูเก็ต กับ ตำรวจนายสิบ ได้จบลงไปโดยปริยาย เนื่องจากทั้งสองคนได้เสียชีวิตลง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการเรียกพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมต่างๆ มาสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อจะได้ดำเนินการเสนอขอชั้นยศให้กับ รอง สวป. ซึ่งเข้าไประงับเหตุจนเสียชีวิตดังกล่าวต่อไป