ย้อนวันวานดำตับเป็ด "แอน นันทนา" ต้นตำรับข้าวนอกนา

ย้อนวันวานดำตับเป็ด "แอน นันทนา" ต้นตำรับข้าวนอกนา

ย้อนวันวานดำตับเป็ด "แอน นันทนา" ต้นตำรับข้าวนอกนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ฉันคือข้าวนอกนา เกิดมาจากความไม่ตั้งใจ มีชีวิตอยู่ไปเท่านั้น เป็นเพียงข้าวนอกนา เกิดมาให้คนเขามองผ่าน ไม่มีใครต้องการฉันไว้ ไม่มีสักคนมองข้ามร่างกาย มองที่หัวใจของฉัน มีแต่คนเหยียดหยาม ประณามว่าฉันนั้นต้อยต่ำ เพราะว่าตัวที่ดำใช่ไหม คนเกิดมาต่างกัน ไม่เคยมีใครนั้นเลือกได้ ฉันนั้นมันผิดหรือไร"

กว่า 26 ปีที่ละคร "ข้าวนอกนา" ยังเป็นละครในความทรงจำของแฟนๆ และไม่ว่าจะนำกลับมารีเมคใหม่อีกกี่ครั้ง เชื่อว่าหลายๆ คนก็ยังชินและติดตากับภาพคาแร็คเตอร์ตัวละครที่มีฉายาว่า "ดำตับเป็ด" ที่รับบทโดย "แอน นันทนา บุญ-หลง" และไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน "แอน นันทนา" ก็ยังคงเป็น "ต้นตำรับ" ข้าวนอกนาตัวจริงที่ไม่มีใครแทน

 

"ข้าวนอกนา" วันวานที่หอมหวาน

"แอนเริ่มมาจากประกวดร้องเพลงเวทีสยามกลการและก็เซ็นต์สัญญากับแกรมมี่ แล้วระหว่างการทำอัลบั้มชุดแรกก็ไปพากย์หนังช่อง7 แล้วช่วงพากย์หนังคุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีด์) เห็นว่าเป็นนักพากย์เป็นนักร้อง พอดีละครข้าวนอกนาต้องการคาแรคเตอร์นี้ ก็เลยให้ไปแคสและก็ได้เล่น แอนจะถือคติว่าถ้ามีโอกาสเข้ามาในชีวิตถ้าไม่คว้าเอาไว้แล้วห้ามเสียดายทีหลัง

การแสดงเป็นโอกาสที่มีความรู้สึกว่าเราไม่เคยรู้ว่าศาสตร์การแสดงมันเป็นยังไง เราเป็นอาชีพใช้เสียงตลอดก็เลยรับไว้ที่นี่พอรับ มันก็ต้องเล่นให้ดีที่สุด ตอนนั้นถ่ายไปออกไปสำหรับนักแสดงที่ไม่เคยเล่นเลย แล้วเล่นเป็นตัวเอกทั้งเรื่องมันหนักมากไม่ใช่แค่หนักธรรมดาต้องไปทาตัวให้ดำก่อน แล้วละครถ่ายไปออกไปตอนนั้นมันดังมากก็รู้สึกดีใจที่คนในปัจจุบันคนก็ยังคิดถึงกันค่ะ"

"แอน นันทนา" เล่าย้อนกลับไปถึงความทรงจำ ผ่านทีมข่าว Sanook! News ถึงวันวานของความโด่งดังที่เธอแจ้งเกิดจากละคร "ข้าวนอกนา" จนนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตในวงการ

"ช่วงเวลานั้นแอนไปไหนคนก็แบบ เอ๊ะ! ใช่ไม่ใช่ เอ๊ะ! ทำไมขาวเร็วจังเลย และก็มีเหตุการณ์ตอนไปถ่ายทำแถวพัฒน์พงษ์คนมามุงดู ทำให้ถ่ายไม่ได้ก็เลยต้องเอา (แอน นีออน) มาทำเป็นตั้งกองหลอกอีกทีให้คนไปมุงตรงนั้นแล้วรีบถ่ายแอนต้องทำกันแบบนี้เลย คนเขามามุงดู แล้วแบบนั่นไงๆ

เสียงพูดก็เข้า และเราไม่สามารถบอกคนที่กำลังมุงดูอยู่ว่าให้ดูเฉยๆ ก็เข้าใจว่าเขาก็ตื่นเต้นกับเรา ซึ่งตอนถ่ายเราไม่รู้ว่ากระแสตอบรับดีมาก แต่หลังจากที่ละครจบไปแล้วมันก็ส่งผลให้งานโชว์ตัวทันที ข้าวนอกนาถือเปลี่ยนชีวิตให้แอนมีสมาธิมากขึ้น แล้วต้องเคารพกับงานที่ทำด้วยค่ะ"

ความดัง "ข้าวนอกนา" ต่อยอดวงการบันเทิง

"ใช่ค่ะแอนก็มีงานละครติดต่อมาเยอะ แต่ตอนนั้นมีความรู้สึกอยากเป็นนักร้อง คือจริงๆ แล้วชอบร้องเพลง ชอบดนตรี อยากอยู่เบื้องหลัง งานอะไรที่เกี่ยวกับใช้เสียงชอบหมด ก็เลยปฏิเสธละครไปเยอะมากในตอนนั้น อยากให้คนเห็นภาพเราเป็นนักดนตรีตัวจริง ไม่ใช่นักแสดงที่มาร้องเพลง ซึ่งยุคนั้นจะมีนักแสดงมาร้องเพลงเยอะเหมือนกัน แต่ก็สร้างไม่ได้ เพราะเราเริ่มจากความเป็นนักแสดงมาก่อนคนก็เลยจำจำภาพเราในฐานะนักแสดง"

แม้ว่าภาพลักษณ์นักแสดงที่คนดูจำติดตามจะเป็น "อุปสรรค" เส้นทางนักร้องของ "แอน นันทนา" แต่เธอก็ไม่ได้ย่อท้อทิ้งงานร้องเพลงที่รัก 

"มันมีเอฟเฟ็กต์อัลบั้มชุดแรกหัวใจข้างขวา เพราะว่าในละครข้าวนอกนาจะเป็นคาเรคเตอร์ของคนไม่มีการศึกษาชอบร้องเพลงอย่างเดียวคือรีเรทกับหัวใจข้างขวา ส่วนของ นันทนา บุญ-หลง คือชอบร้องเพลง เรียนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คือคนก็งงว่าคนไหนคือตัวจริง เพราะคนเชื่อไปแล้วว่า นันทนา บุญ-หลง คืออีดำข้าวนอกนา หลังจากนั้นแอนก็มาแต่งเพลงมาทำอัลบั้มเดียวที่มีสองอัลบั้ม แล้วก็อยู่เบื้องหลังคุมร้อง เป็นคอรัสลงเสียงประสานก็พากษ์เสียงภาพยนตร์เรื่อยมาค่ะ"

นักพากย์อีกหนึ่งความท้าทาย "แอน นันทนา"

"ช่วงนั้นรอทำอัลบั้มกับแกรมมี่แต่ก่อนทำเป็นปี ช่วงที่รอก็สมัครงานตามปกติเข้าไปช่อง 7 คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีด์) เขาเห็น คุณแดงชอบคนเรียนเก่ง แล้วแอนเรียนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งบวกกับคุณแดงก็จำได้ว่า แอนเพิ่งประกวดร้องเพลงชนะมา ก็เลยเรียกไปคุยสัมภาษณ์พิเศษ แล้วคุณแดงก็บอกไม่น่าจะทำงานแบบออฟฟิศได้ มาลองทำงานเป็นนักพากย์มั้ย ก็ตอบเอาค่ะ แต่กลับบ้านไปถามพ่อว่าอะไรคือนักพากย์ ตอนนั้นคือไม่รู้ว่านักพากย์คืออะไรเอาไว้ก่อนอย่างเดียว"

 "แอน นันทนา" เผยต่ออีกว่างานนักพากย์เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ท้าทายความสามารถการทำงานเบื้องหลังที่เธอชอบ และหากรวมผลงานบนเส้นทางนักพากย์ของเธอจนถึงปัจจุบันเธอบอกว่าไม่ต่ำกว่าหมื่นเรื่องแน่นอน

"แอนชอบพากย์เพราะได้เหมือนเปิดโลกทัศน์ โดยเฉพาะการแสดงเวลาเราไปเล่นจริงๆ เราจะจังหวะดีกว่าคนอื่น อาจจะใช้เสียงภาษาไทยชัดกว่าอารมณ์กับเสียงดีกว่า คือมันเป็นความได้เปรียบของนักพากย์ที่ได้ไปเล่นละครและเสน่ห์ของการพากย์คือความท้าทายที่ต้องพากย์หลายๆ ตัว เราไม่ได้พากย์คนเดียว สมมุติว่า Descendants Of The Sun ไม่ได้พากย์มยองจูเพียงคนเดียว แอนพากย์อีกหลายตัวและในเรื่องก็ต้องเปลี่ยนเสียงไปบางทีตัวละครก็พากย์ชนกันเหมือนพูดกันเอง ความสามารถพิเศษในการเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนโทนเปลี่ยนไปมา เป็นผู้หญิง เป็นเด็ก เป็นความท้าทายค่ะ"

"แอน นันทนา" กลับมาอีกครั้งบนเวที Green Concert #19

"จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ห่างหายไปจากการร้องเพลง เพราะยังเป็นครูสอนร้องเพลง แต่ห่างหายการขึ้นคอนเสิร์ต คือสำหรับแอนที่เลือกมาเป็นเบื้องหลัง คือได้อิ่มกับการอยู่บนเวทีแล้ว เพราะฉะนั้นการมาขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ได้ถูกกระแสของการที่แบบจะได้กลับมายืนบนเวทีมาทำให้เรารู้สึกอยากขึ้น มันเป็นความรู้สึกอยากฟัง Green Concert มีทุกๆ ครั้ง แอนจะแบบได้ยิน บางครั้งก็เคยได้มา คือจะได้ยินผู้คนพูดถึงเพลงเพราะมาก"

"แอนมีความรู้สึกว่าสำหรับแอนมันเป็นเพลงในยุคแอนจริงๆ ตอนที่เราออกอัลบั้มเราก็เป็นแฟนของศิลปินเหล่านี้ แล้ววันนี้เราได้มาอยู่ที่เดียวกัน เราได้ยินเขาร้องสดๆ ในวันเวลาแบบนี้ แอนว่ามันเป็นโมเม้นท์ที่เงินก็ซื้อไม่ได้ แอนก็เลยมีความรู้สึกว่าทุกคนมาแล้วมาด้วยใจที่คิดถึงกัน คิดถึงเพลงกันและกัน คิดถึงคนฟังคิดถึงบทเพลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ความรักที่จะเกิดขึ้นแอนมีความรู้สึกว่าอันนี้แหละมันคือแรงจูงใจ และรายได้ส่วนหนึ่งก็มอบให้มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทำให้แอนมีความรู้สึกว่าต่อให้ติดงานอะไรก็จะเลื่อนเพื่อที่จะมาขึ้นคอนเสิร์ตนี้ให้ได้ค่ะ"

ส่งท้ายด้วยเรื่องหัวใจที่หลายคนก็ยังอยากรู้หลังจากที่หลายปีก่อนชีวิตคู่ของ "แอน นันทนา" ไม่ประสบความสำเร็จหลังแต่งงานกับ "บอม สินเจริญ" เธอเผยว่า ความรักอยู่รอบตัวเราเสมอ แม้จะไม่ใช่ความรักแบบคู่รัก

"แอนว่าบางทีสำหรับคนที่มีความรักแล้วผิดหวัง แล้วมีความรู้สึกว่าโลกทั้งโลกทลายไปจริงๆความรักมันไม่ได้แปลว่ารักของผู้หญิงผู้ชายเท่านั้น แอนก็ยังเป็นคนที่มีความรักได้อีก ก็ยังมีคนมาจีบ แต่สุดท้ายเรามีความรู้สึกว่า ตอนอยู่คนเดียวมีความสุขกว่า มันกลายเป็นแบบนั้น มันเหมือนความโชคดีความที่แอนได้ทำงานในสิ่งที่แอนรัก แอนได้ลองงานใหม่ๆ ทุกอย่างที่เราทำเป็นสิ่งที่เรารักทั้งสิ้น ยังบอกกับตัวเองทุกวันชีวิตดี๊ดี มันอาจจะไม่ได้เยอะไม่ได้น้อยแต่ว่ามันกำลังดี แล้วแอนก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เรารักกัน เราก็มีกันและกัน เราก็มีคุณแม่มีแมว แล้วก็มีลูกศิษย์ที่รักเราก็โอเคแล้วค่ะ"

และการพูดคุยครั้งนี้เราเชื่อว่าอาจจะทำให้แฟนเพลงและแฟนละครของ "แอน นันทนา" คงจะพอได้หายคิดถึงเธอได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าใครยังฟินไม่พออยากเจอตัวเป็นๆ ของเธอนั้น เสาร์ที่ 6 และอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคมนี้ ประตูเปิด 4 โมงเย็น แล้วเจอกัน รอยัล พารากอน ฮอลล์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook