อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? หลังอังกฤษโหวต Brexit ออกจากอียู
หลังจากที่ผลคะแนนประชามติของชาวอังกฤษเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ส่วนใหญ่ต้องการให้ประเทศออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ อียู คำถามที่ทั่วโลกสงสัยคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับสหราชอาณาจักรในลำดับต่อไป เมื่อ นายเดวิด คาเมรอน ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว
สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ได้รายงานสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากผลประชามติออกมาว่า สหราชอาณาจักรต้องการออกจากการร่วมอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป ประเด็นหลักๆ ที่น่าสนใจคือ ใครจะมาเป็นผู้นำคนต่อไป กระทั่งไปสู่การขอแยกประเทศของ ไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์
1. ใครคือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของอังกฤษ
นายเดวิด คาเมรอน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ระบุว่าเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลประชามติครั้งนี้ หลังเขาสนับสนุนฝ่าย Remian ต้องการให้อังกฤษอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรปต่อไป แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายขอร้องให้เขาดำรงตำแหน่งต่อ แต่ก็อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพประเทศได้
นักวิเคราะห์มองว่า คนที่น่าจะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีฯ คนต่อไป อาจจะเป็น นายบอริส จอห์นสัน อดีตผู้ว่าการกรุงลอนดอน และยังเป็นแกนนำฝ่ายสนับสนุน Brexit หรือผู้ที่ได้ฉายาว่าเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ของอังกฤษ นอกจากนี้ก็อาจจะเป็น นายไมเคิล โกฟ เลขานุการกระทรวงยุติธรรมของอังกฤษ หรือ นายจอร์ช ออสบอร์น รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังของอังกฤษ
2. สหราชอาณาจักรจะออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปเมื่อใด
ผลคะแนนที่ออกมานั้นเป็นเพียงการลงประชามติของคนในประเทศ แต่เมื่อทิศทางออกมาเป็นเช่นนั้น ลำดับต่อไปจะมีการยื่นสนธิสัญญาลิสบอน ว่าด้วยการออกจากสหภาพยุโรปมาใช้ใหม่ อีกทั้งยังต้องเจรจาการค้ากับคู่ค้า 27 ประเทศด้วย โดยคาดว่าน่าจะใช้กรอบเวลาในจัดการราวๆ 2 ปี ทำให้ไม่น่าจะเกิดผลชัดเจนและการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ หรืออย่างน้อยๆ ก็อาจจะเป็นปี 2018-2020
3. ภาวะเศรษฐกิจอังกฤษจะเป็นเช่นไรต่อไปหลังจากนี้
หากดูกระดานตลาดหุ้นตลอดทั้งวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันลงคะแนนประชามติของชาวอังกฤษ พบว่าตลาดการลงทุนส่วนใหญ่ค่อนข้างดิ่งลงเหว โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย ค่าเงินปอนด์ตกต่ำลงเรื่อยๆ ประชามติครั้งนี้น่าจะทำให้เกิดภาวะช็อกทางการเงิน เพราะความผัวผวนของตลาดหุ้น ธนาคารกลางของอังกฤษอาจจะต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อพยุงเสถียรภาพทางการเงินเอาไว้
4. ความกังวลเกี่ยวกับการขอแยกตัวในเครือสหราชอาณาจักร
เมื่อ 2 ปีก่อน สกอตแลนด์ เคยทำการลงคะแนนประชามติของแยกตัวออกเป็นเอกราช แต่ครั้งนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่จากสภาวะครั้งนี้ ชาวสกอตแลนด์ให้การสนับสนุนลงคะแนน 62 ต่อ 38 ต้องการให้อยู่กับอียูต่อ
เช่นเดียวกับ ไอร์แลนด์เหนือ ก็ต้องการขอแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร เพื่อไปรวมประเทศกับไอร์แลนด์อย่างสมบูรณ์ สังเกตได้จากผลคะแนนประชามติครั้งนี้ ไอร์แลนด์มีคะแนนคล้อยตามกับสกอตแลนด์ คือต้องการให้อยู่กับอียูต่อ เมื่อผลออกมาตรงกันข้าม ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า สกอตแลนด์ กับ ไอร์แลนด์เหนือ อาจจะมีการขอแยกตัวออกมาได้สำเร็จ